
21 พฤศจิกายน 2568 อาจจะไม่ค่อยเป็นธรรมนัก หากจะสรุปว่า “แก๊งขาใหญ่ในเรือนจำ” ที่ถูกกวาดล้างล่าสุด จากปฏิบัติการ “จู่โจมตรวจค้น” ภายใต้การสั่งการของอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนใหม่ เป็นเพราะ “จีนเทาระบาด”
เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสัญชาติหรือเชื้อชาติ แต่เป็นเรื่องของการทุจริต ติดสินบน โดยมี “เงินและผลประโยชน์ก้อนโต” เป็นตัวขับเคลื่อน
ชัดเจนว่า “กลุ่มจีนเทา” จะอหังการ์ทำแบบนี้ไม่ได้เลย หากไม่มี “ไทยเทา” ซึ่งก็คือ “ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สีเทา” คอยอำนวยความสะดวก เปิดช่อง เปิดทางสว่าง
และกลุ่มที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ไม่ได้มีแต่ “จีนเทา” แต่ยังมี “ไทยเทา - ไทยดำ” พวกค้ายา หรือพวกโกงชาติ ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำพฤติกรรมไม่ต่างกัน เพียงแต่จะโจ๋งครึ่ม หรือแอบทำกันอย่างเงียบๆ เท่านั้น
“ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี ชำแหละข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “อภิสิทธิ์ชนในคุก” ซึ่งมีตั้งแต่การละเมิดกฎหมาย จ่ายสินบนติดปลายนวมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อผลประโยชน์ในทางคดี กับพวกที่เล่นใหญ่ ทำตัวเป็น “ขาใหญ่คุมคุก” โดยไม่เกรงใจกฎหมายและความถูกต้อง
1.กลุ่มผู้ต้องขังหรือนักโทษที่มีทรัพยากร มีทุนหนา เป็นคนรวย แต่เคราะห์ร้ายต้องเข้าเรือนจำ
- คนเหล่านี้ก็จะพยายามหาทุกช่องทางเพื่อลดโทษ ลดวันต้องโทษ ขออภัยโทษ หรือขอพักการลงโทษ
- ล้วนเป็นช่องทางตามกฎหมาย แต่ต้องอาศัยการอำนวยความสะดวก ชี้ช่องจากผู้มีอำนาจตามกฎหมาย โดยมีทนายความเป็นคนเดินเรื่องแทนให้
วิธีการ : ใช้ทนายประสาน มีค่าน้ำร้อนน้ำชาอำนวยความสะดวก
ผลลัพธ์ : ผู้ต้องขังกลุ่มนี้จะได้สิทธิ์ประโยชน์เต็มแม็กซ์ตามที่กฎหมายอนุญาตให้ หรือได้มากกว่าที่กฎหมายอนุญาต โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่หาช่องทางในการอนุโลม หรืออนุมัติเป็นกรณีพิเศษ
2.กลุ่มขอออกไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลนอกเครือข่ายของกรมราชทัณฑ์
- คนที่ทำแบบนี้ได้ ต้องมีคุณสมบัติเดียวกับกลุ่มแรก คือ มีอำนาจเงิน และ/หรือ อำนาจบารมี แต่มีคุณสมบัติด้านอื่นร่วมด้วย ก็คืออายุมาก และมีอาการเจ็บป่วย เข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด หรือแม้จะไม่เข้าเกณฑ์ ก็มีช่องทางอนุโลมให้เข้าเกณฑ์ได้
วิธีการ : อ้างเหตุป่วยโรคเรื้อรัง โรคที่เรือนจำและโรงพยาบาลราชทัณฑ์รักษาไม่ได้ แล้วอาศัยช่องทางนี้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกสังกัดราชทัณฑ์ เช่น โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลเอกชนหรูหรา ราคาแพง
ตัวอย่าง : เสี่ย ป.คนดัง ในคดีทุจริตที่สร้างความเสียหายหนักที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ได้ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐ นอกสังกัดราชทัณฑ์ ได้พักห้องพิเศษ โดยเจ้าตัวจ่ายเงินเลี้ยงอาหารเจ้าหน้าที่ และพยาบาลทั้งตึก ทุกวัน จนไม่มีใครปริปาก
3.กลุ่มสมเด็จ คือกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในเรือนจำ แต่กระทำผิดร้ายแรงมาก เช่น คดีค้ายาเสพติด หรือ คดีฉ้อโกงที่มีมูลค่าความเสียหายสูงมาก จึงหาช่องแบบกลุ่มแรกได้ยาก และไม่ได้มีอายุหรือโรคภัยไข้เจ็บเข้าเกณฑ์เหมือนกลุ่มที่ 2
วิธีการ : จ่ายจบ ใช้ชีวิตแบบ VIP โดยผู้ต้องขังจำนวนนี้ มีทั้งกลุ่มกร่างและไม่กร่าง มีบางคนเลี้ยงลูกน้องเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ตนเอง และรักษาเขตอิทธิพลของตนไม่ให้ถูกล่วงละเมิดจากสมเด็จคนอื่น หรือขาใหญ่รายอื่น
4.กลุ่มนักโทษการเมืองบางรายที่ได้รับการฝากฝังดูแลจากผู้มีอำนาจการเมืองข้างนอก หรือผู้มีอำนาจในรัฐบาล
วิธีการ : ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้คุม หรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เช่น ไม่ต้องตัดผมเกรียนเหมือนนักโทษคนอื่น , มีห้องนอนแยกต่างหาก หรือนอนรวมกับกลุ่มอภิสิทธิ์ชนด้วยกัน , ใช้ห้องน้ำของผู้คุม หรือของผู้บริหารเรือนจำ , ไปพักผ่อนหรืออ่านหนังสือในห้องทำงานของผู้คุมหรือผู้บริหารเรือนจำ
แต่ผู้ต้องขังกลุ่มนี้จะต้องทำงานแลกกับสิทธิพิเศษที่ได้มา ตามความถนัด เพื่อลดข้อครหาและแรงปะทะในเรือนจำ เช่น สอนความรู้ทางกฎหมายเบื้องต้นให้กับผู้ต้องขังรายอื่น , สอนการเขียนขอพระราชทานอภัยโทษ ขอพักการลงโทษ , ไปเดินสายบรรยายให้กับผู้ต้องขังเรือนจำต่างๆ
5.กลุ่มจ่ายไม่อั้น นักค้ายา - จีนเทา - ไทยเทา กลุ่มนี้ คือ กลุ่มที่กำลังเป็นข่าวอื้อฉาว
วิธีการ : จ่ายหนักยิ่งกว่ากลุ่มสมเด็จ สนนราคารายการละ 100,000 ถึง 150,000 บาท เพื่อซื้อความสะดวกสบายรายวัน และสร้างเครือข่ายสมุนคอยดูแล โดยการจ้างสมุน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักโทษสัญชาติอื่น และกลุ่มค้ายาที่มีศัตรู
สำหรับวิธีการนำสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในเรือนจำ ขึ้นกับสภาพของสิ่งของ คือ ของใช้ส่วนตัว กับสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริจาค กับการฝากผู้คุมเข้าไป
จะเห็นได้ว่า เรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในเรือนจำ ล้วนขับเคลื่อนด้วย “เงินเทา” โดยไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่า คนที่ใช้เงินเทานั้น จะเป็นจีนเทา ไทยเทา หรือสัญชาติใด