
31 ตุลาคม 2568 ที่ด่านช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงข่าวการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) สมัยพิเศษ ว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง ระหว่าง ภูมิภาคทหารที่ 4 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และกองทัพภาคที่ 2 แห่งราชอาณาจักรไทย
โดยมี พล.ท.โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และพล.ท.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 แห่งราชอาณาจักรไทย เป็นประธานร่วม และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา เข้าร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุม
สำหรับการประชุมจัดขึ้นตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 เมื่อ 23 ตุลาคม 2568 และอยู่ภายใต้แนวทางและหลักการของถ้อยแถลงที่ได้ลงนามในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 26 ต.ค.68 โดยนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ไทย และมาเลเซีย ร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้ง 4 ประเทศ ในการส่งเสริมความโปร่งใส การสร้างความไว้วางใจ และการบริหารจัดการกำลังทางทหาร อย่างมีความรับผิดชอบในภูมิภาค ทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินการถอนอาวุธหนักเป็นระยะ (Phased Removal) และมาตรการสร้างความไว้วางใจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้าง ความเชื่อใจระหว่างกัน และเสถียรภาพตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา
โดยได้นิยามและการจำแนกอาวุธ 3 ประเภท ดังนี้
1 ประเภท A หมายถึง ระบบจรวดหลายลำกล้องที่มีตั้งแต่ 2 ลำกล้องขึ้นไป
2 ประเภท B หมายถึง ระบบปืนใหญ่ทุกประเภท ประกอบด้วยระบบปืนใหญ่ลากจูงและปืนใหญ่อัตราจร รวมถึงปืนใหญ่ขนาด 105 มม. 122 มม. 130 มม. 152 มม. และ 155 มม.
3 ประเภท C หมายถึง รถหุ้มเกราะ โดยเฉพาะรถถัง ที่ออกแบบมาเพื่อให้มีการเคลื่อนที่ที่ได้รับการปกป้อง อำนาจการยิงที่เหนือกว่า และกำลังสนับสนุนโดยตรง
ทั้งสองฝ่ายยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเคารพซึ่งกันและกัน และปฏิบัติตามผลการประชุม GBC ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 และหลักการในถ้อยแถลงที่ได้ร่วมลงนามเมื่อ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเคร่งครัด เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน
โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินการถอนอาวุธทั้ง 3 ประเภท (ประเภท A ประเภท B และประเภท C) โดยแบ่งเป็นระยะ ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของ AOT ตามแผนปฏิบัติการ
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่ จะอำนวยความสะดวกการตรวจสอบ จัดทำเอกสาร และสังเกตการณ์ของ AOT ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะออกแถลงข่าวเพื่อรายงานความคืบหน้าและการตรวจสอบ กระบวนการถอนอาวุธ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะ ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า หากฝ่ายใดปกปิดหรือบิดเบือนจำนวนหรือประเภทของอาวุธ ถือว่า การกระทำดังกล่าวสื่อถึงความไม่จริงใจในการคืนสู่สภาวะปกติ เสถียรภาพ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
การถอนอาวุธหนักและอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ประเภท A) ภายใต้ระยะที่ 1 จะดำเนินการเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่ 1 - 21 พ.ย. 68 ภายใต้การสังเกตการณ์ และตรวจสอบของ AOT การประชุมฝ่ายเลขานุการ RBC เพื่อวางแผนและดำเนินการ สำหรับระยะที่ 2 จะจัดขึ้น 15 พ.ย.68 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของ AOT
ส่วนการถอนอาวุธหนักและอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงในระยะที่ 2 (ประเภท B) จะดำเนินการเป็น
เวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่ 22 พ.ย. - 12 ธ.ค. 68 ภายใต้การสังเกตการณ์และ ตรวจสอบของ AOT การประชุมฝ่ายเลขานุการ RBC เพื่อวางแผนและดำเนินการ ระยะที่ 3 จะจัดขึ้นในวันที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันต่อไป ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของ AOT
โดยการถอนอาวุธหนักและอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงในระยะที่ 3 (ประเภท C) กำหนดให้ดำเนินการเว้นวรรคผิด, ควรเขียนติดกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่ 13 - 31 ธ.ค. 68 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของ AOT การประชุมเว้นวรรคผิด, ควรมีช่องว่างหลังคำย่อฝ่ายเลขานุการสะกดผิด, ใช้ 'ฝ้าย' แทน 'ฝ่าย' RBC อาจจัดผ่านระบบออนไลน์หรือในสถานที่ร่วมกัน ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลง ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของ AOT เพื่อให้เกิดการประสานงานเว้นวรรคผิด, ควรเขียนติดกันอย่างมีประสิทธิภาพ การปรึกษาหารืออย่างทันท่วงที และการดำเนินการถอนอาวุธและตรวจสอบที่มีประสิทธิผล
กองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน ทุกก้าวแห่งการปฏิบัติ อยู่บนพื้นฐานของอธิปไตยผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน