svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวสถานการณ์

"สนธิญา" ร้อง ปปง. ตรวจสอบ "มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้"

"สนธิญา" ร้อง ปปง. ตรวจสอบ "มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้" และ "กัน จอมพลัง" ปมความโปร่งใสเรี่ยไรเงินโดยที่ไม่ได้เป็นกรรมการมูลนิธิ - ได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลถึง 200,000 ฉบับต่องวด

31 ตุลาคม 2568 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นาย สนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักร้องเรียน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบ "มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้"  เกี่ยวกับ "โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล 200,000 ฉบับ" และ  "มูลนิธิธรรมนัส" โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปง. ฝ่ายรับ-ส่งเรื่อง เป็นผู้แทนรับมอบเอกสาร

นายสนธิญา กล่าวว่า "มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้" พบว่ามีการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2568 แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนไม่รู้เลยว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงสร้างของมูลนิธิฯ ทั้งการดำรงตำแหน่งเป็นประธาน หรือเป็นกรรมการใด และเข้าใจมาตลอดว่านายกัณฐัศว์ มีความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ อย่างแน่นอน ทั้งการประชาสัมพันธ์ขอรับการสนับสนุนเงิน เพื่อนำไปจัดซื้อยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ การดำเนินการต่าง ๆ แต่พอผ่านไป จึงเพิ่งมายอมรับว่าไม่ได้มีตำแหน่งในมูลนิธิฯ 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อที่ 39 ของมูลนิธิฯ ที่ระบุว่า หากมีการยกเลิกมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ มรดกตกทอดและทรัพย์สินต่าง ๆ จะเป็นของมูลนิธิธรรมนัส ตนจึงประสงค์มาให้เบาะแส และขอให้ ปปง. ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และความผิดมูลฐานใดของ ปปง. หรือไม่ เพื่อชี้แจงความโปร่งใสของบรรดาเงินประชาชนที่แสดงความสุจริตสนับสนุนโอนเงินไป อีกทั้งขอให้ตรวจสอบข่าวกรณีที่นายกัณฐัศว์ ได้รับกรณีพิเศษหรืออย่างไร ที่ได้โควต้าล็อตเตอรี่ครั้งละ 200,000 ฉบับ จึงขอให้ ปปง. เชิญผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานมูลนิธิธรรมนัส มาสอบถามเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงด้วย

"สนธิญา" ร้อง ปปง. ตรวจสอบ "มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้"

ทั้งนี้ นายสนธิญา มองว่า กรณีของ "กัน จอมพลัง" ที่ได้มีการนำเงินจากการประชาสัมพันธ์ไปใช้ หรือการขอเงินจากพี่น้องประชาชน เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการขออนุญาตราชการก่อนหรือไม่ ได้มีการขออนุญาตก่อนเรี่ยไรเงินหรือไม่ เพราะมันเป็นการขอเรี่ยไรต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์หรือไม่ว่าจะนำเงินที่ขอรับการสนับสนุนไปใช้ทำอะไรบ้าง ย้ำว่าตนไม่ได้มาต่อว่า "กัน จอมพลัง" แต่บางคนก็ทำเพื่อสังคม เพื่อชาติโดยอ้างพี่น้องประชาชน แต่เงินก็ส่งเข้าตัวเองหรือส่งเข้าพรรคพวกของตนเอง เรื่องนี้จึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เขา และแก่ประชาชนเจ้าของเงินด้วย 

รวมไปกรณีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีข่าวว่า "กัน จอมพลัง" ได้ไปถึงงวดละ 200,000 ฉบับ เรื่องนี้จริงหรือเท็จ ? ตนไม่ทราบ แต่ต้องถามกลับไปยัง ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าคุณดำเนินการอย่างไร เพราะมีคนจน คนพิการหลายคนที่เขามาแจ้งความเดือดร้อนกับตนว่า เขาเดินทางไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของจังหวัดตัวเอง เพื่อรับสลากกินแบ่งเดือนละ 2,000 ชุด เขายังไม่ได้กันเลย แต่ถ้าสมมติว่า "กัน จอมพลัง" ได้งวดละ 200,000 ชุด ตนถือว่าการดำเนินการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่สุจริตเที่ยงธรรม หรือไม่  

นอกจากนี้ ตนเคยได้รับเรื่องร้องทุกข์จากพี่น้องชาวจังหวัดเลย จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครราชสีมา เขาให้รายละเอียดว่า ปกติหากไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 เดือนจะได้ 4,000 ฉบับ ซึ่งหากขายได้ เขาจะได้เงินประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่คราวนี้พอไม่ได้สลากกินแบ่งมา ตนก็ย้อนกลับไปถามว่า หากสมมติว่า "กัน จอมพลัง" ได้สลากกินแบ่ง 200,000 ฉบับต่องวดจริง มันยุติธรรมหรือไม่ เรื่องนี้ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องตอบคำถามให้ได้ และไม่ใช่แค่กรณีของนายกัน แต่ตนขอตรวจสอบคนที่ได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมด ว่ามีใครเอาโควตาสลากกินแบ่งของคนพิการไปใช้หรือไม่ เพราะคนที่เอาโควตาไปใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรวยอยู่แล้ว ขับรถ Ferrari บ้าง แต่คนที่ขายสลากกินแบ่ง คนธรรมดาทั่วไปต้องเดินทั้งวันกว่าจะได้เงิน 100-200 บาท 

ฉะนั้น คนที่รวยอยู่แล้วไปเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งตรวจทราบว่าจะได้เรตราคาประมาณ 60-70 บาท แต่มาขาย 100 บาท และมีการเก็บหักหัวคิว 10 บาท ฉะนั้น ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งได้โควตา 200,000 ฉบับ  จะขายได้เงินถึง 4 ล้านบาท 1 ปี จะได้มากถึง 50 ล้านบาท แบบนี้มันยุติธรรมหรือไม่" นายสนธิญา กล่าว
 
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า เรื่องมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ตนใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุว่า การดำเนินการเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แล้วไปเอาประชาชนทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วม และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่ว่าในเรื่องของมูลนิธิ ก็จะถือเป็นคดีแผ่นดินอยู่แล้ว 

ดังนั้น หากเรื่องนี้มีการกระทำความผิด ก็เข้าข่ายฉ้อฉลบุคคล ซึ่งมีจำนวนเงินมากเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย.นี้ ตนจะไปยื่นเรื่องนี้ให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้คู่ขนานไปกับสำนักงาน ป.ป.ง. เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการตรวจสอบพระ อย่าง "พระอลงกต" หรือกรณีของ "ทนายตั้ม" คนเหล่านี้ก็ล้วนทำเพื่อประชาชน สังคม และประเทศ เมื่อมีกระบวนการที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานก็ต้องดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น 

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ากรณีของ "กัน จอมพลัง" หากมีการบอกกล่าวกับประชาชนตั้งแต่แรกว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริหาร หรือประธานมูลนิธิ หรือบอกให้ประชาชนทราบถึงข้อที่ 39 ของมูลนิธิฯ ว่าหากมูลนิธิฯ มีการยกเลิกจะต้องโอนมรดกทรัพย์สินให้กับมูลนิธิธรรมนัส ถามว่าหากประชาชนรู้ข้อมูล 2 ข้อนี้ เขาจะยังบริจาคเหมือนทุกวันนี้หรือไม่ ซึ่งตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ มีความเข้าข่ายมูลฐานความผิดของกฎหมาย ปปง. ประมาณ 2 เรื่อง แต่ในเชิงรายละเอียดว่าเข้าข่ายอะไรบ้างนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ได้ไปตรวจสอบจากพยานหลักฐาน