
21 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุมราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ชั้น 3 อาคารศาลยุติธรรรม ถนนราชดำเนินในนางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 18/2568 โดยมีวาระสำคัญคือที่ประชุม ก.ต.เห็นชอบบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ในวาระโยกย้ายแต่งตั้งบัญชี 2 ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่งจำนวน66 บัญชีรายชื่อ
โดยมีรายชื่อผู้พิพากษาชื่อดังที่น่าสนใจเเละดำรงตำเเหน่งสำคัญดังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่น่าสนใจที่โดดเด่นในการการเเต่งตั้งบัญชี้นี้ได้เเก่
นางมัณทรี อุชชิน ว่าที่ประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นตำเเหน่งที่มีความสำคัญเเละอาวุโสรองจากประธานศาลฎีกา มีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารงานในศาลอุทธรณ์ทุกด้าน ทั้งด้านคดีและการบริหารงานบุคคล นอกจากนี้ ยังมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายพิเศษบัญญัติไว้ เช่น การพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ การเลือกตั้ง และคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและค้ามนุษย์ ทั้งยังเป็นอุปนายกคนที่ 1 โดยตำแหน่งของเนติบัณฑิตยสภา
สำหรับนางมัณทรี จบการศึกษา
ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ
สำหรับ นายวีระพงศ์ สุดาวงศ์ ว่าที่รองประธานศาลฎีกาซึ่งปัจจุบันเป็นประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งมีอำนาจบริหารงาน พิจารณาคดีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อยู่ในเขตอำนาจศาล ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาในพื้นที่ภาค5 โดยมีสำนักงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ในภาคเหนือเเละเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งนายวีระพงศ์คนนี้มีคิวที่จะดำรงตำเเหน่งประธานศาลฎีกาต่อจากนายอดิศักดิ์ ที่ ก.ต.พึ่งมีมติผ่านขึ้นเป็นประมุขตุลาการในวาระ 1 ก.ย.2568 โดยนายวีระพงศ์ เป็นบัญชีคิวอาวุโสที่จะถูกเสนอให้ดำรงตำเเหน่ง ในช่วง 1 ก.ย.2569 -30 ต.ค.2570
นายสุรินทร์ ชลพัฒนา ว่าที่ประธานเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกา มีบทบาทเด่นสมัยเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา ในยุคนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ เป็นคีย์เเมนขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวกับสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาจำเลย เรียกว่าความยุติธรรมไม่มีวันหยุด ที่ส่งผลให้สามารถมีการยื่นขอประกันตัวได้ทุกวันทุกเวลา มีความสามารถการบริหารจนเป็นที่ไว้ใจ
ในช่วงที่ดำรงตำเเหน่งประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่อีสานตอนบนครอบคลุมพื้นที่ 18 ศาล 12 จังหวัด ก็มีบทบาทสำคัญ ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่คู่ความอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อยู่ในเขตอำนาจศาล ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยมีสำนักงานอยู่ที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ในภาคอีสาน การที่ได้มาเป็นประธานเเผนกคดีอาญานักการเมือง ที่มีบทบาทเด่นที่สุดในเเผนกคดีของศาลฎีกา ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น นายกรัฐมนตรี,รัฐมนตรี,ส.ส. ส.ว.คดีที่จะเข้ามาเกี่ยวกับการทุจริตฯที่มาจาก ปปช.หรือร่ำรวยผิดปกติ ตัวอย่างคดีดังๆแย่สงเช่น คดีทุจริตจำนำข้าว,คดีระบายข้าวจีทูจี ,คดีทุจริตก่อสร้างโรงพัก ,คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล
เเละล่าสุดคือคดีไต่สวนการบังคับใช้โทษ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายสุรินทร์ มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องอาวุโสความสามารถประสบการณ์เเละความซื่อสัตย์ยุติธรรม
นายสุรินทร์ จบนิติศาสตรบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนติบัณฑิตไทย ปริญญาโท Master ofi Laws ที่ Southern Methodist University, Texas เเละระดับปริญญาโทอีกที่ Master ofiComparative Law ที่ University, Washington D.C.
นายฉัตรชัย ไทรโชต ว่าที่ ประธานเเผนกคดีพานิชย์เเละเศรษฐกิจในศาลฎีกา ซึ่งมีบทบาทเป็นที่รู้จักเมื่อครั้งนั่งอธิบดีศาลเเพ่งในเรื่องการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพิจารณาคดีอำนวยความยุติธรรมให้แก่คู่ความ เเละยังได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมหรือ กบศ.เเต่มามีบทบาทที่โดดเด่นที่สุดคือ เป็นเจ้าของสำนวนคดีบังคับโทษชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ซึ่งถูกชื่นชมกันถึงการคุมเข้มกระบวนการไต่สวนได้มีประสิทธิภาพในการค้นหาความจริงให้เป็นที่ปรากฎ เเละสร้างความยุติธรรมคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในคดีที่ไม่เคยมีการไต่สวนในลักษณะนี้มาก่อนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการโยกย้ายเเต่งตั้งตุลาการในวันนี้ เป็นตุลาการชั้น 4 ซึ่งเป็นระดับตั้งเเต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ขึ้นไปจนถึงประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้ ก.ต.พิจารณารายชื่อผู้พิพากษาทั้ง 66 รายเป็นบัญชีที่ 2 ต่อจากบัญชี 1 ที่ได้ผ่านนายนายอดิศักดิ์ ตันติวงศ์ ว่าที่ประธานศาลฎีกาคนที่ 51
โดยสามารถดูผลการประชุม ก.ต. ครั้งที่ 18/2568 ฉบับเต็มได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้
https://ojc.coj.go.th/th/content/category/detail/id/8/cid/14588/iid/498986
โดยภายหลังผ่านมติ ก.ต.จะมีการนำบัญชีรายชื่อเสนอโปรดฯ ตามขั้นตอนเพื่อมีผลในวันที่ 1 ต.ค.2568