
12 มิถุนายน 2568 ความคืบหน้ากรณีพบเงินสด 12 ล้านบาท ซุกในกล่องวางไว้ข้างกองขยะในคอนโดมีเนียม ย่านเมืองทองธานี โดยมี นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว อาชีพทนาย แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงิน ที่มีข้อมูลระบุว่ามีการเบิกจ่ายเงินออกมาตั้งแต่ปี 2563 โดยทยอยเบิกเงินสดครั้งละ 1,900,000 บาท ซึ่งต้นทางของเงินดังกล่าว พบว่าโอน จากบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ประกอบกิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง กิจการปิโตรเคมี ที่มีบทบาทในการผลักดันโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งได้โอนเงินให้กับบริษัท 4แห่ง ที่เลิกกิจการไปแล้วเมื่อปี 2564
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้มีการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไปยังเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งจะพบว่าในช่วงเวลานั้นในระดับพื้นที่ มีการต่อต้านโครงการนิคมฯจะนะอย่างรุนแรง และหากเทียบเคียบช่วงเวลา โดยเฉพาะในช่วงปี 2563 จะเป็นช่วงการจัดทำประชาพิจารณ์เป็นขั้นตอนเพื่อตัดสินว่าจะก่อสร้างโครงการนี้ได้หรือไม่ ซึ่งแม้ว่าท้ายที่สุดโครงการนิคมฯจะนะ จะถูกยกเลิกไปในที่สุดก็ตาม
แหล่งข่าวรายหนึ่งที่คัดค้านโครงการนิคมฯจะนะ ให้ข้อมูลว่า ทันทีที่ทราบข้อมูลเงินสด 12 ล้าน เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนที่ต้องการสร้างโครงการนิคมฯจะนะสงขลา ไม่ได้แปลกใจมากนัก เพราะจำได้ว่านายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สนับสนุนโครงการนิคมฯจะนะเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นหลายคนเชื่อว่ามีการจ่ายเงิน เพื่อขอเสียงสนับสนุนกันค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีใครจับได้ว่าจ่ายเงินกันจริงด้วยวิธีการใด
แหล่งข่าวรายนี้ บอกด้วยว่า ส่วนเงินสด 12ล้าน จะมีที่มาที่ไปอย่างไร และเกี่ยวข้องถึงใครในระดับพื้นที่ ก็อยากให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า เงินสด12ล้านบาทดังกล่าว เป็นเงินที่ถูกหักค่าหัวคิวไว้หรือไม่ หลังจากที่โครงการนี้ถูกยกเลิกในท้ายที่สุด ซึ่งเรืองนี้อาจจะทำให้ นายทวีวัฒน์ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงินสดนั้นงานเข้า ต้องเดือดร้อนชี้แจงที่มาของเงินตกค้างดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับ โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา เนื้อที่ประมาณ 2 หมื่นไร่ ซึ่งในครั้งนั้นศูนย์อำนวยการบริหาร จังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ได้ร่วมกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ผลักดันโครงการนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2562 แต่สุดท้ายก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากมวลชนในพื้นที่ ทำให้ต้องยุติโครงการฯในที่สุด