
8 มิถุนายน 2568 ช่วงค่ำที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดในย่านการค้า กลางเมืองปัตตานี บริเวณตลาดโต้รุ่ง โดยมีภาพและคลิปวีดีโอที่ประชาชนผู้ประสบเหตุบันทึกไว้ได้ เป็นเหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านทองแห่งหนึ่ง ขณะที่มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง เบื้องต้นมีการแชร์ภาพและคลิปเหตุการณ์ ซึ่งมีความสูญเสียของยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ และอาคารซึ่งเป็นร้านค้า แต่ยังไม่มีรายผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมามีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุระเบิดกลางเมืองปัตตานี เกิดขึ้น 2 จุด ในพื้นที่เทศบาลเมือง
จุดที่ 1. วางระเบิดในถังขยะ หน้าห้างทองอินเตอร์ บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต รถ จยย. ได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน
จุดที่ 2. วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรมสันติสุข หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามการก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือ BRN ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อออนไลน์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 โดยสำนักข่าวอิศรา นำมาเผยแพร่ระบุว่า
เนื่องจากรัฐบาลไทย (RTG) กล่าวหาและบิดเบือนข้อเท็จจริงมากมายต่อกลุ่ม BRN ในขณะนี้สำนักเจรจาสันติภาพ BRN จึงใคร่ขอแจ้งให้ทราบหลายเรื่องที่ควรแจ้งให้ชาวปาตานีทั้งหมดโดยเฉพาะและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบดังนี้
1.ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 (2024) จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีนโยบายหรือภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในปาตานี ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนและบาดเจ็บสาหัสอีกนับหมื่นคนจากความขัดแย้งครั้งนี้เลย
2.รัฐบาลไทยปัจจุบันไม่จัดตั้งคณะเจรจา และยกเลิกโครงการ พ.ศ.2561 ทำให้กระบวนการเจรจาสันติภาพเป็นไปในลักษณะนิ่งเฉย และไม่จริงใจในการแก้ไขข้อขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่สนใจความทุกข์ยากและชะตากรรมของประชาชนชาวปัตตานีที่ถูกกดขี่มายาวนานจากการใช้กฎหมายที่ไม่ปกติ
3.ข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จและข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อกลุ่ม BRN ที่มีการบิดเบือนข้อมูลและข้อเท็จจริงที่แท้จริง ตลอดจนคำพูดที่ยั่วยุและไม่รับผิดชอบเพื่อทำให้กลุ่ม BRN เสื่อมเสียชื่อเสียง อาจส่งผลเสียต่อความพยายามในการหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งในปาตานีโดยสันติ
4.การเพิ่มขึ้นของการกระทำรุนแรง การโจมตี และการปฏิบัติการทางทหารบนพื้นที่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นผลจากการขาดโต๊ะเจรจาเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการหาจุดร่วมและวิธีแก้ไขในความพยายามที่จะแก้ไขข้อขัดแย้ง
5.ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 (2013) เป็นต้นมา BRN แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจน และสม่ำเสมอในการแก้ไขข้อขัดแย้งโดยใช้แนวทางสันติทางการเมืองผ่านทางโต๊ะเจรจา
6.ผู้นำ BRN ได้แต่งตั้งตัวแทนไปยังโต๊ะเจรจาในฐานะตัวแทนทางกฎหมายและอย่างเป็นทางการขององค์กรที่ดำเนินการตามภารกิจขององค์กร และมีความชอบธรรมและอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่าง BRN และ RTG
7.BRN ได้แสดงให้เห็นถึงการหยุดยิ่งฝ่ายเดียวหลายครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กระบวนการเจรจาสันติภาพสามารถดำเนินต่อไปได้ดี และเพื่อโน้มน้าวใจทุกฝ่าย โดยเฉพาะชุมชนปาตานีทั้งหมดซึ่งอยู่ด้วยความหวาดกลัวและถูกกดขี่โดยอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือชุมชนมาเลย์มุสลิมและชุมชนปาตานีทั้งหมดมาเป็นเวลานาน
8.BRN มุ่งมั่นที่จะเจรจาหากรัฐบาลไทยมีนโยบายและความรอบรู้ที่ชัดเจน รวมถึงความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุของความขัดแย้ง และยึดมั่นตามความปรารถนาของประชาชนที่มีต่อประชาคมปาตานีทั้งหมด
9.กระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่าง BRN และ RTG ก่อนหน้านี้ได้ก่อให้เกิดความก้าวหน้าหลายประการ เช่น ข้อริเริ่มเบอร์ลิน หลักการทั่วไป และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนสันติภาพร่วมที่ครอบคลุม (JCPP) เป็นแผนในการก้าวไปสู่สันติภาพที่มีศักดิ์ศรี แท้จริงและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้หยุดซะงักและเป็นเพียงการนิ่งเฉย เมื่อรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันไม่แสดงความมุ่งมันที่ชัดเจนต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ
10.BRN ยืนยันความมุ่งมั่นในการนำ JCPP มาใช้ในการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง ซึ่งจะตอบสนองความปรารถนาของชาวปาตานี โดยจะทำหน้าที่เป็นกลไกที่โปร่งใสรับผิดชอบและครอบคลุม ซึ่งรับประกันการมีส่วนร่วมของทุกระดับในชุมชนปาตานี