เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่าเมื่อไม่นานมานี้ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคได้มีคำพิพากษาที่น่าสนใจ ในคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลเเพ่ง โดยเป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับ
ผลทางกฎหมายของการส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทาง e-mail ในคดีซื้อขายออนไลน์ของศาลแพ่ง เป็นคำพิพากษาของ ศาลอุทธรณ์ที่ 27087/2567 คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาซื้อขายสินค้าออนไลน์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม
โดยใช้ e-mail เป็นช่องทางติดต่อรับคำสั่งซื้อของลูกค้า ส่วน e-mail [email protected] ของศาลที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมานั้นจำเลยเข้าใจว่าเป็น spam mail จึงไม่ได้เปิดดูและไม่ทราบว่าถูกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค เห็นว่าปัจจุบันการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน การ
พิจารณาคดีจึงต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว การซื้อขายประเภทนี้ ส่วนใหญ่ไม่ไม่ได้ เป็นการซื้อขายกันเฉพาะหน้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้บริโภคไม่ทราบแม้กระทั่งที่อยู่หรือสำนักทำการงานของผู้ขาย ผู้ซื้อมีทางติดต่อถึงผู้ขายได้เพียง ทาง e-mail จึงเป็นหน้าที่ของผู้ขายที่ต้องติดตามข่าวสารที่ผู้ซื้อส่งมา เพราะบางครั้งอาจมีกรณีสินค้ามีปัญหาจะต้องคืนหรือเปลี่ยนสินค้า หรือมีการส่งมอบ สินค้าไม่ครบถ้วน มิใช่ว่าเมื่อได้รับเงินแล้วก็ไม่สนใจการติดต่อของฝ่ายผู้ซื้ออีกอันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เมื่อจำเลยรับว่า e-mail เป็นของจำเลยที่ใช้ ติดต่อรับคำสั่งซื้อของลูกค้า ทั้งยังรับว่าศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
ให้แก่จำเลยทาง e-mail ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น หากจำเลยไม่ได้เปิดดู ก็เป็นความผิดของจำเลยเอง กรณีถือได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
โดยชอบแล้ว