
6 พฤษภาคม 2568 ความคืบหน้า กรณีคนร้าย 2 คนขับ รถพีซีเอ็กซ์แดง มาจอดยิงผู้เสียชีวิตประมาณ 8 นัด และได้ขับหลบหนีไปทางปากซอยนวลจันทร์ 22 ถนนนวลจันทร์ ผู้เสียชีวิตคือ นายทศพล อายุ 34 ปี เมื่อกลางดึกวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาตำรวจได้มีการออกหมายจับ นายชนิตพล เพชรชนะ หรือ เชฟ อายุ 19 ปี ในข้อหาข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และนายเพ้นท์ อายุ 17 ปี ผู้ขับขี่รถ จยย.
ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โครคราม และฝ่ายสืบสวน กองบังคับการสืบสวนนครบาล ได้ควบคุมตัว นายชนิตพล เพชรชนะ หรือ เชฟ อายุ 19 ปี และนายเพ้นท์ อายุ 17 ปี มา สอบปากคำที่ สน.โคกคราม โดยระหว่างที่มีการควบคุมตัวขึ้นห้องสืบสวนสอบสวน นายเชฟ กล่าวสั้นๆ ว่า "ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต" ก่อนจะเดินทางเข้าห้องสอบสวนโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลย
ทั้งนี้ ระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ก่อเหตุ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายชาติพิชิต เพชรชนะ พ่อของนายเชฟ เจ้าตัวเปิดเผยว่า หลังจากก่อเหตุ ลูกชายได้โทรหา แต่ไม่ได้บอกว่าไปก่อเหตุอะไรมา ต่อมาตนทราบเรื่อง เนื่องจากมีตำรวจประสานมา จึงได้ขอให้ลูกเข้ามอบตัว เพราะถ้าหนีต้องหนีไปถึง 20 ปี จนหมดอายุความ กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก แต่ถ้าหากยอมรับโทษไปตามกฎหมาย ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ออกมาเจอกัน ซึ่งตนบอกลูกชายให้ยอมรับในสิ่งที่ทำ ให้ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งตนก็ขอเป็นตัวแทนของลูกชาย ขอโทษญาติผู้เสียชีวิตด้วย
ทั้งนี้ลูกชายของตนเป็นคนนิสัยดี ไม่ได้เป็นคนเกเร ส่วนรายละเอียดว่า เหตุใดลูกชายถึงก่อเหตุนั้น ลูกชายไม่ได้เล่าให้ฟัง ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นพ่อนั้นก็ยอมรับว่า เป็นห่วงลูกมาก
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวที่โรงพัก ญาติของนายเชฟ และนายเพ้นท์ คนก่อเหตุได้เดินทางเข้ามารวมตัวกันกว่า 30 คน โดยทุกคนให้เหตุผลว่า ต้องการมาให้กำลังใจ ไม่ได้จะหาเรื่อง หรือเอาคืนกับใคร ไม่ได้มาปกป้องหรือดูลาดเลาว่า ฝั่งผู้ตายจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ผู้ก่อเหตุหรือไม่
รุ่นพี่ของผู้ก่อเหตุยังยืนยันด้วยว่า ตลอดที่ผ่านมา ตัวของผู้ก่อเหตุทั้งสองราย ไม่ได้มีประวัติทางอาชญากรรม เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับเลยว่า ไม่ทราบว่ามาจากเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมารุ่นน้องไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง แต่ก็อยากฝากกับรุ่นน้องทั้งสองคนว่า หากทำผิดไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำลงไป
ส่วนเรื่องบาดหมางระหว่างผู้ก่อเหตุ และกลุ่มของคนตาย ที่น้าของผู้ก่อเหตุเคยถูกยิง จนได้รับบาดเจ็บ และน้องสาวของนายเชฟ ถูกแทงจนสาหัส ตนไม่ทราบว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า หลังจากนี้ กลุ่มตนจะขอหยุดการเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเรื่องของการแก้แค้นไว้เพียงเท่านี้ แต่ถ้าหากกลุ่มคนตายยังไม่ยอมจบ ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แถลงการจับกุมว่า ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย หลังก่อเหตุได้ไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา จากนั้นก็มี รถ จยย.อีกคันมาพาไป โดยมีนายปอนด์ เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นได้มีการไปส่งที่พระราม 2 ก่อนจะมีรถกระบะขับพาไปส่งที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และพยายามจะหนีไปที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นก็ได้ส่งชุดสืบสวนเข้าไปจับกุม
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพเป็นผู้ยิงเองไม่มีการซัดทอดใคร ไม่พาดพิงใคร แม้แต่นายเพ้นท์ คนขี่รถจักรยานยนต์ก็ไม่ซัดทอด อ้างว่า นายเพ้นท์ ไม่ทราบเรื่องว่าจะไปทำอะไร สาเหตุมาจากเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากทางฝ่ายผู้เสียชีวิตเคยขู่ว่าจะทำร้าย จึงได้มีการชิงลงมือทำก่อน เพราะกลุ่มของผู้ก่อเหตุและกลุ่มของผู้ตาย มีความขัดแย้งกันมาก่อนระหว่างกลุ่ม แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จะมีการขยายเพิ่มเติมว่า มีปมสาเหตุอย่างอื่นอีกหรือไม่
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.กล่าวว่า สำหรับตัวของผู้ก่อเหตุ ซึ่งถ้าหากดูภาพจากกล้องวงจรปิด ค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืน เพราะยิงเข้าจุดตายเกือบทุกนัด ประเด็นนี้ตำรวจก็ได้มีการสอบปากคำ ซึ่งผู้ก่อเหตุบอกว่า เคยมีการไปซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืน จึงทำให้มีความเชี่ยวชาญพอสมควรในการใช้อาวุธปืน
ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุพบว่า มีการซื้อมาจากโซเชียลในราคา 38,000 บาท แต่ตอนนี้ไม่พบว่า มีการใช้ติดตัวมาด้วยขณะจับกุม ซึ่งจากการสอบถามยังไม่ทราบชัดเจนว่า ได้นำอาวุธปืนไปทิ้งไว้ที่ไหน
ส่วนประเด็นที่มีการเข้าไปเซลฟี่ในโต๊ะสนุกเกอร์ เพราะแค่เข้าไปดูว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในนั้นหรือไม่ เพื่อเป็นการไปดูเป้าหมายว่า ได้เข้ามาถึงหรือยัง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจากการสอบปากคำ การสืบสวนหาพยานหลักฐาน เบื้องต้นไม่พบว่ามีสาเหตุอื่นนอกจากความแค้นส่วนตัว และไม่พบด้วยว่ามีประเด็นเรื่องของการจ้างวางเข้ามาฆ่า
พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า มูลเริ่มต้นประมาณปลายเดือน ธันวาคม 2567 ที่ นายกอล์ฟ ผู้เสียชีวิต ที่เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ แล้วในเดือน มกราคม 2568 นายเชฟ กับพวก ได้มีปัญหากับพรรคพวกผู้เสียชีวิต แล้วเกิดเหตุไล่ยิงกันในพื้นที่ สน.คันนายาว ทำให้น้าชายนายเชฟ ออกมาช่วยถูกยิงได้รับบาดเจ็บ หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้ตายเป็นรุ่นพี่ของคู่อรินายเชฟ ก็ได้ตามมาเอาคืนตลอด
ต่อมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วงเดือนเมษา 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มน้องสาวของนายเชฟ ได้มีปัญหากับพรรคพวกผู้เสียชีวิต ทำให้น้องสาวนายเชฟ ถูกแทงได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดความแค้นกรณีดังกล่าว จนกระทั่งต้นเดือน พฤษภาคม น้าของนายเชฟ ทราบว่า ผู้ตายพักอาศัยในที่เกิดเหตุ จึงได้ขออาวุธปืนจากนายชนิตพล หรือ เชฟ เพื่อมาก่อเหตุ
แต่นายเชฟ เห็นว่าน้าชายของตนเองมีลูกเล็ก กลัวว่าหากก่อเหตุถูกดำเนินคดี จะไม่มีใครช่วยดูแลลูกของน้าชาย จึงอาสาของลงมือก่อเหตุ เนื่องจากมีความแค้นสะสม วันเกิดเหตุจึงได้ให้นายเพ้นท์ รุ่นน้องคนสนิทขับขี่ จักรยานยนต์ไปก่อเหตุยิงดังกล่าว
ตลอดที่ผ่านมาทางกลุ่มของผู้ตาย และกลุ่มของผู้เสียชีวิต ต่างก็มีเรื่องกันมาโดยตลอด ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีการขู่กันว่า เจอที่ไหนก็จะทำร้ายที่นั่น จึงทำให้ฝ่ายของผู้ก่อเหตุนั่นก็คือนายเชฟ ที่มาเจอกับผู้ตายก่อนจึงได้ลงมือก่อนนั่นเอง