
30 เมษายน 2568 ความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดี ตึก สตง.ถล่ม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ นั้น นายศุภภางกูร พิชิตกุล รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ บอกถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ บริษัทผู้ออกแบบ และบริษัทผู้รับเหมาประมูลงาน เมื่อวาน(29เม.ย.68) ว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ไปแล้วซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบงานวิศวกรรม
ส่วน บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด เป็นบริษัทที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องงานสถาปัตยกรรม แต่ในฐานะกิจการร่วมค้าของ 2 บริษัท ก็ต้องเรียกมาให้การ โดยตามหลักกฎหมายพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ต้องขอรับอนุญาตจากบริษัทผู้ออกแบบ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนว่า มีการดำเนินการตามหลักการนั้นหรือไม่
ส่วนกรณีของนายธีระ กรรมการผู้จัดการของบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ที่ยอมรับว่ามีการแก้ไขแบบแปลนปล่องลิฟต์ เพื่อให้พื้นทางเดินมีความกว้างมากขึ้นนั้น นายศุภภางกูร ระบุว่า ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กรณีที่มีการแก้ไขปล่องลิฟต์ โดยลดขนาดจาก 30 ซม. เหลือ 25 ซม. บริษัท คอนซัลแทนท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ได้ทำเรื่องเสนอมายังบริษัทผู้ออกแบบ เบื้องต้น นายธีระให้การว่า การแก้ไขปล่องลิฟท์จะเป็นการตัดสินใจร่วมกันของ 2 บริษัท คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด กับบริษัท ไมน์ฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
เมื่อถามว่า หากพบว่าการแก้ไขแบบดังกล่าวเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตึก สตง.ถล่ม ทั้ง 2 บริษัทจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายศุภภางกูร ระบุว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่สืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานก่อน พร้อมยืนยันว่าทุกบริษัท ทุกพยานที่เข้าให้การกับดีเอสไอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้ข้อมูล
ส่วนกรณีของนายเกรียงศักดิ์ รองประธานอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่มีการสอบปากคำไปเมื่อวานนี้ เบื้องต้น ได้ให้ข้อมูล เกี่ยวกับกิจการร่วมค้า กับบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 โดยขั้นตอนการก่อสร้าง บริษัทไชน่าฯ จะเป็นผู้รับเหมา และดำเนินการก่อสร้างตามแบบ หากเกิดปัญหาจะต้องรายงาน ผ่านผู้ควบคุมงาน หรือ บริษัท PKW ซึ่งการจะดำเนินการก่อสร้างได้ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน และได้รับการอนุมัติ โดยบทบาทของหน้าที่ผู้รับเหมา ก็จะต้องก่อสร้างตามแบบอยู่แล้ว
ส่วนเหตุผลที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัทไชน่าฯ นายศุภภางกูร ระบุว่า เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง 2 บริษัทเคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน เกี่ยวกับการก่อสร้างตั้งแต่ก่อนปี 2563 แต่ยังไม่มีการสอบสวนรายละเอียดอย่างชัดเจน โดยขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังมุ่งเน้นสืบสวนสอบสวนในประเด็นตึก สตง.ถล่ม และขยายไปเรื่องของการออกแบบ การจ้างควบคุมงาน ส่วนจะพบส่วนผิดปกติในขั้นตอนงานอะไรบ้าง ก็อยู่ระหว่างการสวบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนจะมีการตรวจสอบโครงการอื่น ที่บริษัทไชน่าฯ และบริษัท อิตาเลียนไทย ร่วมกันทำธุรกิจด้วยหรือไม่ นายศุภภางกูร ระบุว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการประชุมของคณะพนักงานสอบสวน ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรแจ้งมายังสื่อมวลชนอีกครั้ง
ส่วนการสอบปากคำที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการสร้างตึก สตง. มีความเป็นไปได้จะเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูลหรือไม่ นายศุภภางกูร ระบุว่า ดีเอสไอได้ตั้งเรื่องคดีฮั้วประมูลไว้แล้ว โดยจะต้องตรวจสอบทั้งโครงการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราดำเนินการอยู่ คือการรวบรวมพยานหลักฐาน ให้สอดคล้องกับพยานหลักฐาน เกี่ยวกับพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ไว้แล้ว ได้มีการตรวจสอบทุกมาตรา ซึ่งตอนนี้ทาง สตง. ได้ส่งมอบเอกสารโครงการให้เราตรวจสอบ
หลังจากนี้จะมีการออกหมายเรียกบริษัทที่เสนอราคาในโครงการก่อสร้างตึกสตง. 6 บริษัท มาให้ข้อมูล โดยคาดว่าน่าจะช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป