
30 เมษายน 2568 จากเหตุ พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.) ตำรวจภูธร จ.นราธิวาส โดยขาดจากการบังคับบัญชาตำแหน่งเดิม เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุโจรใต้ลอบวางระเบิดรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง บริเวณริมกำแพงถนนหลัง สภ.โคกเคียน เป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจ และประชาชน รวมถึงเด็กได้รับบาดเจ็บหลายราย ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย
หลังถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.) ตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ได้อัดคลิปเปิดใจแบบดับเครื่องชน พาดพิงถึง พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กับ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ขณะที่ผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 นาย ชี้แจงว่า สิ่งที่ ผกก.สภ.โคกเคียน กล่าวหาไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ดี เรื่องราวของ พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน กับผู้บังคับบัญชา ยังไม่จบแค่นั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 พ.ต.อ.วีรยุทธ แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.โคกเคียน ว่า พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กับ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 บุกรุกบ้านพักที่อยู่หลังโรงพักโคกเคียน โดยมีพยานเป็นตำรวจหญิงเห็นเหตุการณ์ รวมทั้งมีการแจ้งความกับผู้ใต้บังคับบัญชาประมาณ 10 นาย ที่ร่วมสนับสนุนการบุกรุกบ้านพัก
รวมทั้งแถลงเรียกร้องให้รัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. และคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานของตำรวจภูธรภาค 9 และตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสนั้น
ล่าสุด วานนี้(29 เม.ย.68) เพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 9 ได้เผยแพร่แถลงการณ์ตำรวจภูธรภาค 9 กรณีมีคำสั่งให้ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส มีเนื้อหา สรุปว่า จากเหตุการณ์ระเบิดในท้องที่ สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส วันที่ 20 เมษายน 2568 ทำให้มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย จึงได้มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน ให้ไปช่วยราชการ แต่ทาง พ.ต.อ.วีรยุทธ ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง และไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในข้อเท็จจริง ตำรวจภูธรภาค 9 ขอเรียนว่า นโยบายการบริหารราชการของตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปกครองบังคับบัญชา หน่วยต้องมีความเข้มแข็ง ไม่ถูกกระทำ และมีความพร้อมในการให้บริการประชาชน หัวหน้าหน่วยต้องยึดโยงกับหน่วย ประกอบกับในห้วงนี้มีสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงและต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องอยู่ประจำหน่วยเพื่อบริหารสถานการณ์และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชารวมถึงที่น้องประชาชน
ซึ่ง สาเหตุมาจากขณะเกิดเหตุมีผู้บังคับบัญชาไปตรวจที่เกิดเหตุ แต่ พ.ต.อ.วีรยุทธ ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุภายหลัง อีกทั้งในห้วงที่ผ่านมาได้มีเหตุความมั่นคงเกิดขึ้นหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าหน่วยไม่สามารถควบคุมพื้นที่ให้มีความปลอดภัยได้ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสจึงได้มีคำสั่งดังกล่าว เพื่อเป็นการบริหารสถานการณ์และกำลังพลภายในหน่วย ตามแนวทางที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด
และยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เป็นความบกพร่อง หรือเป็นการดำเนินการตามแผนป้องกันที่ตั้งและคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัดแล้วหรือไม่อย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยไม่ได้เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้ง พ.ต.อ.วีรยุทธ แต่อย่างใด ซึ่ง พ.ต.อ.วีรยุทธ ก็สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้
ส่วนกรณีที่ ผบช.ภ.9 และ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ไปตรวจอาคารบ้านพักของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ สภ.โคกเคียน เป็นการไปตรวจสอบภายนอก ไม่ได้มีการเข้าไปภายในบ้านพักแต่อย่างใด ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ก็ถูก พ.ต.อ.วีรยุทธ แจ้งความร้องทุกข์ในข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน” สร้างความเสียหายและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ พ.ต.อ.วีรยุทธ และอาจจะพิจารณาดำเนินการทางแพ่งและอาญาต่อไป