svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เปิดพิรุธ-พฤติการณ์ 4 คนร้าย วางแผนฆ่าเอาประกัน 14 ล้าน

เปิดพิรุธ-พฤติการณ์ 4 คนร้าย วางแผนสังหารโหด ฆ่าเอาประกัน 14 ล้าน อำพรางคดีเป็นอุบัติเหตุรถชน หนึ่งในผู้ต้องหาเปิดปากสารภาพ

10 มีนาคม 2568 จากกรณีบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นตัวแทนกลุ่มบริษัทประกันภัยเอกชน สงสัยว่ามีเหตุฆ่าเอาประกัน 14 ล้านบาท โดยอำพรางคดีเป็นอุบัติเหตุรถชน

 

โดยยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จว.สกลนคร ว่าอยากให้ตรวจสอบกรณี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ช่วงค่ำ นายวิเชียร อายุ 32 ปี ประสบอุบัติเหตุตกจากรถกระบะ แล้วถูกรถกระบะอีก 2 คัน ที่ชักลากจูงกันมา ขับตามหลังมาชน เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ บริเวณบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร

 

รถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ

 

โดยผลชันสูตรแพทย์ ระบุว่า พบบาดแผลบริเวณคิ้ว และหน้าแข้ง ต่อมาหลังเกิดเหตุ นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี นายพรชนก อายุ 41 ปี นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี ได้เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน สภ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยทำทีเป็นอุบัติเหตุขับรถชน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย

ต่อมา นายสกล อายุ 38 ปี ได้รับหนังสือมอบอำนาจ จากนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร ผู้เสียชีวิต โดยประทับลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อ ไปขอยื่นรับเงินประกันจาก พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์จากบริษัทประกันรถเอกชนจำนวนหลายแห่ง

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบพิรุธหลายอย่าง เช่น ผลชันสูตรศพ ใบมรณบัตร ซึ่งค่อนข้างที่จะไม่สอดคล้องกันกับความเป็นจริง เพราะบนร่างกายหากเกิดอุบัติเหตุจริง ต้องมีรอยถลอกหรือรอยชน แต่ผลชันสูตรกลับมีเพียงบาดแผล 2 แห่งเท่านั้น

 

รถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ

 

รวมถึงพบข้อพิรุธเรื่องรถยนต์คันที่นายวิเชียร นั่งคันแรกและตกลงมาจากรถ มีการทำ พ.ร.บ.กรมธรรม์ประกันภัยมากถึง 12 กรมธรรม์ และรถยนต์อีก 2 คัน คู่กรณี มีกรมธรรม์คันละ 5 กรมธรรม์ โดยเป็น พ.ร.บ.ภาคบังคับ 22 กรมธรรม์ ต้องจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิตกรมธรรม์ละ 500,000 บาท และ พ.ร.บ.รถยนต์ภาคสมัครใจอีก 6 กรมธรรม์ รวมทั้งหมด 28 กรมธรรม์ ซึ่งเป็นเงินสูงถึง 14 ล้านบาท ที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ต้องจ่ายเงินผลประโยชน์นี้ให้บิดา มารดา หรือผู้สืบสายเลือดของนายวิเชียร

 

โดยรถกระบะที่ก่อเหตุเป็นชื่อของ นายสกล คนไปรับกรมธรรม์ นางพัชรี (ภรรยานายสมศักดิ์) และนางสมพร

จุดเกิดเหตุ

 

ต่อมาช่วงดึกของ วันที่ 8 มีนาคม 2568 ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีนายสมศักดิ์ หรือแอะ อายุ 56 ปี , นายพรชนก หรือเก่ง อายุ 41 ปี , นายพีรพัฒน์ หรือป้อม อายุ 30 ปี และนายสกล อายุ 38 ปี ซึ่ง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.สกลนคร จับกุมตัวได้ 3 ราย เหลือเพียง นายพรชนก อายุ 41 ปี ที่ยังหลบหนี

 

โดยตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย ยังให้การปฏิเสธ

 

ทั้งนี้ นายสกล หนึ่งในผู้ต้องหา เป็นอดีตตัวแทนขายประกัน และภายหลังจากที่พ่อนายวิเชียร ประสบอุบัติเหตุจนนอนติดเตียง นายสกล ก็มาให้คำแนะนำเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์กับครอบครัว จึงทำให้มีความสนิทใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของนายวิเชียร

 

กระทั่ง วันที่ 9 มีนาคม 2568 ที่ สภ.ศรีวิชัย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ.วีระศักดิ์ พิมพ์มีลาย รองผบก.ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ.วรวิทย์ นนพละ ผกก.สส.ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ ผกก.สภ.วานรนิวาส และชุดสืบสวน ร่วมประชุมเพื่อหาพยานหลักฐานพยานเพิ่มเติม และติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ เชื่อว่าทำเป็นขบวนการ

 

นายพีรพัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหา

 

ขณะที่ แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ล่าสุดหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ รับสารภาพว่ามีการวางแผนทำร้ายร่างกายตรงจุดเกิดเหตุ แล้วทำทีให้รถยนต์มาชน เพื่อตบตาอำพรางให้เกิดเป็นอุบัติเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบปากคำเข้มผู้ต้องหาทั้งหมด และจากการรับสารภาพเป็นผลดีอย่างยิ่งในการดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บ.สุวรรณคีรี ต.วานร อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร พบนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร เป็นผู้พิการเดินลำบาก และพ่อของนายวิเชียร ที่นอนติดเตียง

 

โดยนางจันที ให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุมีเพื่อนมารับนายวิเชียร ต่อมานางบัวเรียน ลูกสาว โทรศัพท์มาแจ้งว่าน้องชายเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นตนไม่ทราบ มีแต่ให้นางบัวเรียน ลูกสาวดำเนินการทั้งหมด ทั้งนี้ยอมรับว่าขณะที่ลูกชายมีชีวิตอยู่นั้น มีพฤติกรรมเสพสารเสพติด จนมีอาการจิตเวชทำร้ายร่างกายพ่อแม่เป็นประจำ

 

มีรายงานด้วยว่า นางบัวเรียน ให้การว่า เคยบ่นให้กับหนึ่งในผู้ก่อเหตุฟังว่า อยากให้เอาน้องชายไปสั่งสอนหน่อย เพราะทนไม่ไหวที่ชอบทำร้ายพ่อแม่เป็นประจำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำจริง เขาพาน้องชายออกไปจากบ้าน ต่อมาทราบว่าน้องชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

 

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้(10 มี.ค.2568) เวลา 07.00 น. ที่ สภ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายพีรพัฒน์ หรือป้อม ผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุ เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยขณะออกมาจากห้องขัง นายพีรพัฒน์ ยอมรับว่าเป็นคนทำ ได้มีการวางแผนมาล่วงหน้า 1 เดือนก่อนเกิดเหตุ

 

เมื่อสอบถามว่า มีใครเป็นผู้บงการบ้าง นายพีรพัฒน์ ยังปิดปากเงียบ

 

นายพีรพัฒน์ ผู้ต้องหา

 

โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพีรพัฒน์ มาชี้จุดเกิดเหตุ ประกอบพฤติการณ์และแผนการ

 

จุดแรก นายพีรพัตน์ เป็นลานโล่งริมถนน เป็นจุดรวมตัวนัดพบกับผู้ร่วมขบวนและได้นัดแนะกัน ก่อนที่นายสมศักดิ์ หรือแอะ กับ นายพรชนก หรือเก่ง ขับรถกระบะไปพร้อมกับนายวิเชียร ส่วนนายพีรพัฒน์ หรือป้อม ให้รอจุดรวมพลก่อน

 

ต่อมาอีก 10 นาที มีสายเข้าให้ออกมาเลย ซึ่งนายพีรพัฒน์ ยังอ้างอีกว่าเมื่อขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ บ.นาบัว- เจริญศิลป์ หลัก กม.ที่ 15 ห่างจากจุดรวมพลประมาณ 500 เมตร แล้ว พบว่านายวิเชียร นอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน ไม่รู้ว่ามีชีวิตหรือไม่ จึงหลับตากลั้นใจขับผ่านร่างนายวิเชียรไป ไม่รู้ว่าขับรถเหยียบโดนหรือไม่โดน แล้วตนก็ขับเลยมาอีกประมาณ 500 เมตร พบกลุ่มผู้ร่วมขบวนการเลยนัดแนะนำรถที่เกิดเหตุ ไปจอดไว้ที่โรงน้ำแห่งหนึ่งของหนึ่งในผู้ต้องหา

 

จากการตรวจสอบพบว่า มี รถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ 3 คัน ถูกอายัดไว้เป็นของกลาง จอดอยู่ที่ สภ.วานรนิวาส โดยรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สี่ประตู สีขาว กันชนหน้าด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกชน รถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ แคปสีขาว มีคอกและถังน้ำดื่มอยู่ท้ายกระบะ สภาพด้านหน้าไม่มีกันชน ยางรั่ว และรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว มีคอก