
8 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีอดีต "ผู้กำกับโจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ข.ช.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ นายตำรวจชื่อดังผู้ต้องขังคดีคลุมถุงดำ เสียชีวิตภายในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยช่วงเช้าก่อนรับร่าง ญาติเปิดใจผ่านทนายความว่า ติดใจการเสียชีวิต ไม่เชื่อผูกคอตาย ระบุเข้าเยี่ยมล่าสุด ไม่ได้มีอาการเครียด หรือมีสัญญาบ่งบอกจะฆ่าตัวตาย พร้อมยังได้แจ้งว่า จะถูกเรียกสอบวินัย ปมกระด้างกระเดื่องผู้คุม ส่วนเรื่องร้องเรียนถูกทำร้ายร่างกาย เรือนจำยังเงียบ
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.10 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้นำร่างของ ผู้กำกับโจ้ ไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โดยมีญาติที่เดินทางออกมาจากภายในเรือนจำ และปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่ได้ให้นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของผู้กำกับโจ้ ชี้แจงและนำเอกสารมอบให้กับสื่อมวลชนแทน
นายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ผู้กำกับโจ้ ได้ฝากขอโทษพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต ในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ที่มีการคลุมถุงดำ โดยในวันนี้ครอบครัวของผู้กำกับโจ้เสียใจ และยังติดใจกับสาเหตุและแรงจูงใจการเสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ทางญาติได้มอบหมายให้ตนไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น เรื่องผู้กำกับโจ้ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำทำร้ายร่างกาย โดยในเอกสารระบุชื่อผู้คุมที่เป็นคู่กรณีไว้
ต่อมาจึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้กำกับโจ้ตามระเบียบ โดยแจ้งว่า ผู้กำกับโจ้ ขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ จนทำให้มีการย้ายแดนขังและห้องขังแยก ซึ่งเป็นไปตามคำสั่ง ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ที่ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของผู้กำกับโจ้ แต่ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่า ผู้กำกับโจ้เต็มใจขอแยกห้องขังเดี่ยว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนไม่เห็นเอกสารลงชื่อยินยอมจากผู้กำกับโจ้ ซึ่งการแจ้งความมีครั้งเดียว แต่ทางครอบครัวได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร้องขอความเป็นธรรมอีกหลายหน่วยงาน
ภายหลังจากแจ้งความครั้งแรก ผู้กำกับโจ้ต้องการญาติกับทนายความเข้าไปด้วย แต่ทางเรือนจำไม่อนุญาต ครั้งที่สองจึงมีการยื่นใหม่โดยระบุชื่อทนายและญาติ ทางเรือนจำก็แจ้งว่า ขอตรวจสอบก่อนว่าในหนังสือมอบอำนาจ มีการเซ็นจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีรายงานเรื่องรอยฟกช้ำตามร่างกายของผู้กำกับโจ้ ตนรับทราบใบความเห็นแพทย์แล้ว
ส่วนที่ระบุว่า ผู้กำกับโจ้ เป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากมีการเข้าเยี่ยมผู้กำกับโจ้มาเป็นเวลานาน ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ญาติก็ได้เข้าเยี่ยม ก็ยังพบว่ามีอาการปกติ และยังมีการพูดคุยถึงการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ เนื่องจากในศาลชั้นต้นสั่งจำคุกตลอดชีวิต รวมทั้งยังพูดถึงการใช้ชีวิตในอนาคตหลังออกจากเรือนจำ
ที่ผ่านมาตนเองก็ได้เข้าเยี่ยมมาเป็นเวลานาน หลังจากมารับช่วงต่อเป็นทนายเมื่อปี 66 ก็พบว่าผู้กำกับโจ้ไม่ได้มีความเครียด หรือกังวลที่จะนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง เพราะคดีเรื่องคลุมถุงดำถูกพิพากษาไปแล้ว ซึ่งคดีอยู่ชั้นอุทธรณ์ แต่ส่วนคดีที่อยู่ ป.ป.ช. ขั้นตอนนี้ระงับการสอบสวนชั่วคราว จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้กำกับโจ้ฆ่าตัวตาย ซึ่งมูลเหตุเชื่อว่าอาจจะถูกบีบให้ยินยอมเรื่องการสอบวินัย หลังจากที่ไปแจ้งความ