
7 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 15.00 น. ศูนย์ดับเพลิง อบต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุ ไฟไหม้โรงงานคลังสินค้าแห่งหนึ่ง ในต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงประสาน นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.บางพลี พร้อมรถดับเพลิงกว่า 10 คัน รถกู้ชีพ และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นโกดังสินค้าขนาดใหญ่เป็นตึก 4 ชั้น ปิดทึบรอบด้าน ประกอบด้วย ห้องเย็นขนาดใหญ่ มีการเก็บสินค้าแช่แข็งจำนวนมาก พบเพลิงไหม้ลุกลามจากชั้นบนลงมาด้านล่าง รถดับเพลิงกว่า 10 คันระดมฉีดน้ำไม่ให้ลุกลามไปโรงงานอื่น
โดยการเข้าฉีดน้ำดับเพลิงของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูงและเป็นอาคารปิด มีทางขึ้นเพียงทางเดียว นักดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงในตัวอาคารต้องใช้อุปกรณ์ ตัดสิ่งกีดขวางเพื่อพังผนังด้านในโกดังเข้าไปสกัดเพลิง
ขณะที่ด้านนอกรอบโรงงาน จากการใช้โดรนจับความร้อนของทีมตอบโต้ภัยพิบัติ ขึ้นบินสำรวจ พบแสงเพลิงเต็มภายในคลังสินค้า โดยรถดับเพลิงแรงดันสูงพยายามฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อล้อมเพลิงไม่ให้ลุกลาม
ส่วนชุมชนและบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากที่อยู่ใต้ทิศทางลม เจ้าหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ใส่แมสก์และเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง เนื่องจากควันจากไฟไหม้ดังกล่าวมีผลกระทบต่อทางเดินหายใจ
จากการสอบถามเบื้องต้นโกดังดังกล่าวเปิดเป็นห้องเย็นขนาดใหญ่ สำหรับรับฝากของสด ซึ่งห้องเย็นมีส่วนผสมของแอมโมเนียเพื่อทำความเย็น -15 องศา ด้านในเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดใช้ควบคุมโดยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยขณะเกิดเหตุไม่มีคนงานทำงานอยู่ เพราะเป็นห้องเย็นขนาดใหญ่ เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ลงพื้นที่ควบคุมการปฏิบัติและสั่งการให้กำนันผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และแจกจ่ายแมสก์ให้กับประชาชนในชุมชนโดยรอบ และอพยพผู้เปราะบางไปยังจุดพักพิงชั่วคราวที่ทาง อบต.บางโฉลง จัดเตรียมไว้ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนเลี่ยงการออกมาอยู่ในที่โล่งแจ้ง เนื่องจากกลุ่มควันลอยปกคลุมชุมชนและไปตามทิศทางลม ขณะที่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงส่วนใหญ่บอกว่า ต้องสวมแมสก์ 2 ชั้น และอยากให้เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงให้ได้โดยเร็ว
เวลา 21.30 น. วันที่ 6 มีนาคม 2568 เพลิงไหม้นานกว่า 6 ชั่วโมงครึ่ง ยังไม่สงบ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหลายหน่วยงานเกือบ 200 คน พร้อมรถดับเพลิงกว่า 30 คัน ยังคงฉีดน้ำดับไฟที่กำลังลุกไหม้ รวมทั้งพ่นละอองน้ำโดยรอบเพื่อลดควันไฟ ขณะที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ นำโดรนบินขึ้นสำรวจความร้อนเหนือโกดัง เพื่อนำภาพมาวิเคราะห์และวางแผนการปฏิบัติ ล่าสุดยังพบแสงเพลิงและความร้อนกระจายเต็มโกดัง
ด้านผู้บริหารของบริษัทลงพื้นที่ให้ข้อมูลแผนผังของโกดัง ระบุว่า โกดังดังกล่าวเป็นโกดังชั้นเดียว ความสูงกว่า 10 เมตร เป็นลักษณะห้องเย็นที่มีผนังกั้นสองชั้น ชั้นแรกจะเป็นด้านนอก ส่วนชั้นในจะเป็นผนังที่ห้องเย็นที่มีความหนาถึง 20 เซนติเมตร ส่วนภายในโกดังจะเป็นโครงเหล็กชั้นวางสินค้าแช่แข็งซึ่งมีสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปกว่า 90 % ของพื้นที่วางไว้อยู่
ขณะที่ นักดับเพลิง ระบุว่า อุปสรรคสำคัญของการดับเพลิงในครั้งนี้ เป็นพื้นที่โกดังปิดแบบห้องเย็น ด้านในไม่สามารถเข้าไปฉีดน้ำข้างในได้เนื่องจากเป็นลักษณะชั้นวางของ และมีการพังถล่มลงมาของสินค้าและชั้นวางของ นักดับเพลิงทำได้แค่เพียงฉีดน้ำหล่อเลี้ยงจากด้านนอกเท่านั้น และไม่สามารถหยุดฉีดน้ำได้
ต่อมา มีการประสานรถดับเพลิงหอน้ำจากพื้นที่ กทม.ที่ใกล้เคียงเข้าสนับสนุนเพื่อฉีดน้ำหล่อเลี้ยง จากด้านบนลงสู่อาคารจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถคุมเพลิงได้ในช่วงเวลาใด
คุณนก หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท ชี้แจงว่า กระแสข่าวที่ออกมาว่ามีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลนั้น ขอยืนยันว่าจุดอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ ไม่มีการใช้ก๊าซแอมโมเนียแต่อย่างใด จะเป็นก๊าซ C2 เท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ส่วนควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ของบริษัทนี้ หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถมาแจ้งต่อทางบริษัท หรือหน่วยงานราชการเพื่อให้ทางบริษัทเยียวยาชดเชยความเสียหายผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งทางบริษัทพร้อมรับผิดชอบ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถได้ แต่ทางบริษัทมีการทำประกันภัยไว้แล้ว ทั้งนี้ต้องขออภัยประชาชนและชุมชนโดยรอบที่เกิดเหตุดังกล่าวในครั้งนี้
วันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. ยังคงมีกลุ่มควัน และความร้อนภายในตัวอาคารพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังต้องคอยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงจากด้านนอกตัวอาคารตลอดเวลา โดยพบว่านักดับเพลิงหลายคนเริ่มอ่อนแรงเมื่อยล้า จากการผจญเพลิงข้ามคืน เนื่องจากผ่านมาแล้ว 19 ชั่วโมง แต่ยังคงมีกลุ่มควันพวยพุ่ง ออกมาจากตัวอาคารเป็นระยะๆ
ล่าสุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำนักงานเขต 1 ปทุมธานี ส่งรถหอน้ำความสูง 42 เมตร เข้าสนับสนุนในการยกกระเช้าขึ้นฉีดน้ำยาโฟมผ่านทางช่องข้างตัวอาคารเพื่อหวังปูพรมน้ำยาเคมีโฟม ในการสร้างจุดเซฟโซนให้นักผจญเพลิงเข้าด้านใน หลังจากคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามเจาะผนังห้องเย็น 2 ชั้น ที่มีความหนาถึง 20 เซนติเมตร
ด้าน นายสุจิต คำล้วน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอบต.บางโฉลง เปิดเผยแผนการต่อสู้ไฟไหม้ครั้งนี้ว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ใช้รถหอน้ำเพื่อฉีดน้ำยาโฟมเข้าสู่ด้านในตัวอาคาร จากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์นาทีต่อนาที ว่าได้ผลและเกิดความปลอดภัยต่อการเข้าไปภายในตัวอาคารแค่ไหน หากการใช้น้ำยาโฟมครั้งนี้ได้ผล จะส่งนักผจญเพลิงเข้าไปไล่ฉีดน้ำด้านในที่ยังมีความร้อนและแสงเพลิงบางจุดภายในห้องเย็นดังกล่าว
โดยพบว่า อุปสรรคสำคัญของเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่สามารถดับไฟได้สนิท เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงได้ ประกอบกับชั้นวางสินค้าล้มทับถมกองกันด้านในบวกกับอาหารแปรรูปที่จัดเก็บและแช่แข็งอยู่นั้น เริ่มละลายทำให้กลายเป็นเชื้อเพลิงปะทุซ้ำขึ้นมาตลอดเวลา