6 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองชัยนาท นำกำลังเข้าตรวจสอบรีสอร์ทแห่งหนึ่งในตัวเมืองชัยนาท หลังรับแจ้งเหตุแก๊งแคลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นตำรวจปลอมผ่านเอไอ โดยมี ดร.ณัชรัตน์ อายุ 56 ปี อดีตที่ปรึกษา รมต.กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แจ้งความ เพราะผู้เสียหายคือ ภรรยา ชื่อ นางสาวบี (นามสมมุติ) ข้าราชการระดับ 7 (ซี7) ฝ่ายการเงิน ของหน่วยงานแห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท
เมื่อตำรวจไปถึง ได้เคาะประตูขอเข้าไป น.ส.บี จึงเปิดประตูออกมา ด้วยท่าทีตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก ในมือถือโทรศัพท์คุยวิดีโอคอลอยู่ ปลายสายคือตำรวจเอไอ อ้างเป็น ร.ต.อ.ธนาวิทย์ รองสว.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี พอตำรวจจริงขอคุยด้วย ปลายทางชิ่งวางสายก่อน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว โชคดีที่ ดร.ณัชรัตน์ สามีของสาวซี7 ผู้เสียหายไหวตัวทัน แจ้งตำรวจมาช่วยเอาไว้ได้ โดยยังไม่ทันได้โอนเงิน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยนาท เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป
ดร.ณัชรัตน์ เปิดเผยพฤติการณ์ว่า ตอนเช้า จู่ๆภรรยาได้รับโทรศัพท์ ตนได้ยินแว่วๆเกี่ยวกับการกระทำความผิด เปิดบัญชีที่ธนาคารใน จ.อุบลราชธานี จำนวน 14 ล้านบาท เพื่อฟอกเงิน แล้วภรรยาก็ขับรถออกจากบ้านไป โดยที่ตนไม่รู้ไปไหน ไม่ใส่ชุดข้าราชการไปทำงาน
มารู้อีกที ภรรยาส่งข้อความมาบอกว่า อยู่ที่รีสอร์ทในตัวเมือง จึงรีบมา ก็เจอรถภรรยาจอดอยู่ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจทันที เพราะคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน กลัวว่าภรรยาจะถูกอุ้ม ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่
จากการสอบถามภรรยาจึงทราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หว่านล้อมให้มาเปิดห้องไว้ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือและผ่อนหนักเป็นเบา ทางภรรยาก็หลงเชื่อ เขากลัวว่าจะมีความผิดเพราะตนเป็นข้าราชการด้วย กลัวกระทบกับงาน ตนก็เข้าใจและไม่อยากตำหนิ
อยากฝากไปถึงรัฐบาลไทย ให้เข้มงวดกวดขันจับพวกโกงกินประชาชนไปให้หมดบ้านหมดเมือง อีกทั้งเรื่องข้อมูลที่หลุดรั่วออกไป เพราะทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซื้อข้อมูลทั้งหมดไว้ในมือแล้ว ปราบก็ต้องปราบให้จริงจัง ไม่ควรเหยาะแหยะ ไม่งั้นประชาชนตาดำๆลำบากแน่นอน