svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

DSI เรียกสอบเพิ่มพยานคดี "แตงโม นิดา" เช็กกล้องวงจรปิด 34 จุดอย่างละเอียด

DSI เรียกสอบเพิ่มพยานคดี "แตงโม นิดา" ล่าสุดพยานนำภาพจากกล้องวงจรปิด 34 จุด ช่วงการเสียชีวิต 30 วันแรก มาให้ตรวจอย่างละเอียด

ความคืบหน้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เดินหน้าคดี "แตงโม นิดา" การเสียชีวิตปริศนาของดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ๊ทเมื่อ 3 ปีก่อน ล่าสุดเรียกตัว นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ "เต้ มงคลกิตติ์" ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ปากคำในคดี 
DSI เรียกสอบเพิ่มพยานคดี \"แตงโม นิดา\" เช็กกล้องวงจรปิด 34 จุดอย่างละเอียด

เช็กวงจรปิด สางคดีแตงโม

นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า ดีเอสไอ ได้ออกหมายเรียกให้ตนเองมาเป็นพยาน จากกรณีที่เคยร่วมหาพยานหลักฐานในช่วง 30 วันแรกหลังการเสียชีวิตของ "แตงโม" ว่ามีจุดใดบ้างที่น่าสังเกต หรือสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง รวมถึงขอพยานหลักฐานเท่าที่มี เพื่อนำไปตั้งเรื่องใหม่ เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับคดีเก่า 
 

หลักฐานที่นำมาวันนี้ เป็นกล้องวงจรปิด 34 จุดที่จะมอบให้ดีเอสไอ โดยจะเฉพาะกล้องจากร้านกระแชงมอญ ที่เห็นชัดว่ามีเจ็ตสกี 4 ลำขับนำหน้าเรือสปีดโบ๊ท ดังนั้นต้องหาทางตรวจสอบจีพีเอสมือถือแตงโม กับ จีพีเอสเจ็ตสกีทั้ง 4 ลำว่าไปด้วยกันหรือไม่ หากไปด้วยกัน ก็คงเป็นประเด็น

กล้องวงจรปิดอีกจุดที่น่าสนใจ และยังไม่เคยถูกนำเข้าไปในสำนวนแรก ซึ่งก็น่าจะถือได้ว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ ก็คือกล้องวงจรปิดใต้สะพานซังฮี๊ ชัดเจนว่าไม่เห็นคนอยู่ท้ายเรือ ต่างกับที่ตำรวจนำกล้องวงจรปิดบนสะพานมาบอกว่ามีคนนั่งอยู่ท้ายเรือ และเวลาในกล้องของตำรวจ ยังคลาดเคลื่อนกับกล้องที่ตนเองได้มา ณ จุดเดียวกันด้วย

เมื่อรวมกับประจักษ์พยานหลักฐานใหม่ จากการจำลองเหตุการณ์ตกท้ายเรือครั้งล่าสุด ก็ชัดเจนแล้วว่าตกอย่างไรก็ไม่โดนใบพัดเรือ ไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผลถูกใบพัดเรือที่ขาได้ แม้คนบนเรือจะบอกว่าแตงโมเกาะเรืออยู่ 10 วินาที ความเร็วเรือขนาดนั้นจะทำให้ตัวของแตงโมเอียง 30 องศาไปกับผิวน้ำตามความแรงเรือ ซึ่งก็จะไม่โดนใบพัดเรืออยู่ดี ทางเดียวที่จะโดนใบพัดเรือได้ คือการจอดเรืออยู่กับที่ ติดเครื่องให้ใบพัดเรือหมุน แล้วถ่างขาแตงโมคร่อมใบพัดเรือ
DSI เรียกสอบเพิ่มพยานคดี \"แตงโม นิดา\" เช็กกล้องวงจรปิด 34 จุดอย่างละเอียด

นอกจากนี้ก็ยังมีประเด็นต้องสงสัยเรื่องโทรศัพท์มือถือแตงโมที่ถูกปิดไป 3 ชั่วโมงไม่ปกติ เพราะคนบนเรือน่าจะมีพาวเวอร์แบงค์ และมือถือคนอื่นก็ไม่ได้แบตหมด และการที่จะทำให้คนใดคนหนึ่งปิดมือถือ เปิดโหมดเครื่องบิน และมือถือไม่ได้อยู่กับตัวเจ้าของ มีสถานการณ์เดียวเท่านั้นคือการไปพบผู้ใหญ่ ที่กลัวถูกแอบถ่ายหรือบันทึกเสียง ซึ่งพฤติกรรมการพาไปเจอผู้ใหญ่มีมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะไม่ฆ่ากัน หากไม่ยอมก็เพียงไม่พูดคุย ดังนั้นจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าในช่วงเวลาที่หายไป 3 ชั่วโมง มือถือแตงโมอยู่ที่ใด ซึ่งตนเองทราบว่าดาวเทียมฝั่งยุโรปน่าจะมีเทคโนโลยีให้สามารถจับตำแหน่งมือถือแตงโมได้จากแอปธนาคาร

นายมงคลกิตติ์ บอกด้วยว่า ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบ ผิดหรือไม่ผิด เพราะก็ทำตามอำนาจหน้าที่ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาไม่ทัน ซึ่งก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่

แต่ส่วนตัวยังตั้งปมมุ่งเน้นไปที่เรื่องฆาตกรรม เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครทำ แต่เชื่อว่าดีเอสไอน่าจะทำให้คดีนี้กระจ่างได้ภายในปีนี้ และคิดว่ามีโอกาสสูง ถ้าหลักฐานพยานต่างๆไปถึง ก็น่าจะรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และอาจนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

นายมงคลกิตติ์ บอกทิ้งท้ายด้วยว่าอุปสรรคต่อการสู้คดีในปัจจุบัน ถ้าสู้กับคนมีเงิน คนมีเงินมีเส้นสาย ย่อมมีอิทธิพลต่อการทำสำนวนค่อนข้างสูง สามารถจ้างพยานเท็จได้ หรือจ้างพยานให้กลับคำให้การได้ และยังจ้างผู้เสียหายให้ถอนคดีได้ และหากยิ่งมีอำนาจทางการเมืองด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นตอนนี้คงต้องหวังพึ่งดีเอสไอ ที่เหลือเพียงองค์กรเดียวในขณะนี้ที่พอจะเป็นหลักของบ้านเมืองได้ และคดีนี้อาจกลายเป็นตัวชี้วัดว่าจะทำให้ประชาชนกลับมาศรัทธารัฐบาลปัจจุบันได้ด้วยหรือไม่
ภาพคืนเกิดเหตุ