24 มกราคม 2568 ตำรวจ บก.ปอศ. นำโดย พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. , พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ. , พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย , พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา , พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย และ พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม
นางสาวดวงกมล อายุ 41 ปี , นายภิญโญฯ อายุ 40 ปี ได้บริเวณถนนมิตรภาพ กม.24 อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ขณะกำลังเดินทางไป จ.นครราชสีมา , นางสาวขวัญสุดา อายุ 42 ปี ได้ที่บ้านพักย่านบางกะปิ กรุงเทพฯ , นายนิธาน อายุ 41 ปี ได้ที่บ้านพักย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ นนทบุรี นำไปสู่การตรวจยึดบัญชีธนาคาร พร้อมพยานหลักฐาน ประกอบด้วย รถยนต์ 1 คัน , โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 4 เครื่อง , คอมพิวเตอร์ออลอินวัน 1 เครื่อง , อุปกรณ์สำรองข้อมูลแบบพกพา 2 อัน , สมุดบัญชีธนาคารและบัญชีธนาคารที่อายัด 32 บัญชี และ สมุดเช็คธนาคาร 8 เล่ม ดำเนินคดี ฐาน ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
พฤติการณ์ เมื่อ เดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหาย 13 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอเจนซี่แห่งหนึ่ง พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้อง จากการที่ นางสาวดวงกมล ผู้บริหารบริษัทดังกล่าว หลอกระดมทุนจากกลุ่มผู้เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจที่รู้จักกันผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง โดยอ้างว่าบริษัทประกอบธุรกิจเอเจนซี่ มีคู่ค้าเป็นบริษัทผลิตสินค้าแบรนด์ดัง ทำให้บริษัทมีผลกำไรสูง จึงต้องการระดมทุนจำนวนมาก
จากนั้นกลุ่มนักธุรกิจ ผู้เสียหายได้ลงทุนตั้งแต่ห้วงปี 2556 เป็นต้นมา โดยกลุ่มผู้ต้องหา ได้ใช้กลอุบายทำสัญญากู้ยืมเงินจ่ายผลตอบแทนถึงร้อยละ 5-10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 60-120 ต่อปี เพื่อจูงใจให้นักธุรกิจหลงเชื่อมาร่วมลงทุน
ในช่วงแรกบริษัทจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงจากการลงทุนตามที่กล่าวอ้าง ทำให้กลุ่มผู้เสียหายมีความมั่นใจและลงทุนต่อเนื่อง แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ต้องหาเสนอจ่ายนั้น มีอัตราสูงเกินกว่าที่ธุรกิจโดยทั่วไปจะสามารถจ่ายได้ ทำให้กลุ่มผู้ต้องหามีการระดมทุนเพิ่มเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับนักลงทุน จนต่อมาบริษัทไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ ทำให้เกิดความเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท
จากการสืบสวนเส้นทางการเงินของบริษัทดังกล่าว กับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องพบมีการใช้บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดครั้งนี้ จำนวนกว่า 32 บัญชี โดยภายในระยะเวลา 10 ปี มีเงินหมุนเวียน กว่า 1,100 ล้านบาท
บางส่วนนำไปจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กลุ่มผู้เสียหาย เพื่อให้หลงเชื่อว่าทำธุรกิจและได้รับผลตอบแทนจริง และบางส่วนเป็นการแบ่งผลประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด โดยเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของผู้เสียหาย
ขณะที่ จากการตรวจค้นบริษัทของผู้ต้องหา ตั้งอยู่ในเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ พบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) เป็นพนักงานบริษัทเพียง 1 ราย รับว่าปัจจุบันทางบริษัทไม่ได้มีการประกอบกิจการใด โดยพนักงานรายอื่นทยอยลาออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงตนเองที่มีหน้าที่คอยเฝ้าดูแลสถานที่
จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าได้ชักชวนผู้เสียหายลงทุนจริง