11 ธันวาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) "อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พากลุ่มผู้เสียหายเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. หลังถูก 2 นายทุนลวง "ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จนเสียหายกว่า 300 ล้านบาท"
อี้-แทนคุณ เปิดเผยว่า วันนี้ตนพาผู้เสียหายจากมหาสารคาม ถูกนายทุน 2 คน หลอกลงทุนในเรื่องของที่ดิน และบ้าน โดยมีพฤติกรรมหลอกผู้เสียหายว่า ให้มาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ อ้างว่าจะให้ดอกเบี้ย 1.5 และ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้เสียหายไม่เคยได้ และหากว่าผู้เสียหายไปเชิญชวนคนอื่นมาร่วมลงทุน โดยจะให้ดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ซึ่งทั้งสองคนจะเป็นผู้ดำเนินการหลัก และมีผู้ร่วมขบวนการ
ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 300 ล้านบาท และคาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีเพิ่มอีก ซึ่งผู้เสียหายเคยเดินทางไปร้องทุกข์ในที่ต่างๆมาแล้วหลายที่ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าทางคดี จึงอยากจะร้องขอความเห็นใจจาก บก.ปอศ. เพราะการกระทำของผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 62 เพื่อนได้มาชักชวนว่ามี "นาย จ." กำลังลงทุน "สร้างแลนด์มาร์ก ในจ.มหาสารคาม" อยู่ และถ้าหากเราไปกู้ แล้วนำเงินที่กู้ได้ไปให้ ก็จะเอาเงินไปสร้างแลนด์มาร์ก และจะเป็นคนผ่อนหนี้ ให้เราทั้งหมด ซึ่งจะได้เป็นปันผล 1.5 ถึง 2 เปอร์เซ็นต์
ด้วยความที่เป็นเพื่อน จึงทำให้หลงเชื่อ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพื่อนคนที่มาชวนนั้นทราบหรือไม่ว่า "นาย จ." มีพฤติกรรมหลอกลวง แต่ตอนนี้เพื่อนคนดังกล่าวมีส่วนร่วมในขบวนการนี้ เป็นเหมือนมือขวาของ "นาย จ." และเป็นคนที่หาคนมาร่วมลงทุน ซึ่งอย่างไรก็จะรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
ซึ่งตอนแรกตนมีหนี้สินส่วนตัวอยู่ที่ 2 ล้านบาท โดยทางฝั่งนายทุนอ้างว่า ถ้าจะไปลงทุนจะต้องไม่มีภาระ เพราะจะกู้ไม่ผ่าน และ "นาย จ." บอกว่าให้ตนมากู้กับตัวเอง โดยคิดดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลังจากที่ไปกู้ ก็ถูกนำเครดิตไปใช้ จนทำให้ตนเกิดหนี้เป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งหลายคนก็โดนเช่นนี้ จนตอนนี้หนี้สินของเธอมีทั้งหมด 38 ล้านบาท และไม่สามารถติดต่อ "นาย จ." และพวกได้อีกเลย
น.ส.เอ ยังบอกอีกว่า "นาย จ." เป็นคนที่ค่อนข้างอิทธิพลในจ.มหาสารคาม มีแต่คนนับหน้าถือตา ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยถูกข่มขู่ และตอนนี้ได้มีการไปแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองมหาสารคาม เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน พร้อมฝากไปถึง "นาย จ." ว่าอยากให้ออกมารับผิดชอบ เพราะว่าตอนนี้ทุกคนได้รับความเดือดร้อน และก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับหนี้ 38 ล้านบาท
ขณะที่ นายบี (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย อีกหนึ่งราย ระบุว่า ตอนนี้ผู้ที่เสียหายสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท และของตนเริ่มแรกคนที่ชักชวนคือ "นาย จ." และ "นาย ห." ที่เคยทำงานในบริษัทเดียวกัน ซึ่งดูจากพฤติกรรมแล้ว น่าจะเริ่มจากในหมู่เพื่อนก่อน เพราะบอกว่าถ้าหากเราไปชวนคนมาได้อีก ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนไม่เคยไปชวนใคร เพราะไม่ได้สนใจที่จะทำอะไรแบบนั้น
ตอนนี้หนี้รวมกับแฟนก็อยู่ที่ประมาณ 38 ล้านบาท และคิดว่าทั้งคู่น่าจะยังอยู่ที่จ.มหาสารคาม แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่าเป็นกังวล เพราะเกรงว่า "นาย จ." น่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลและมีคนรู้จักเยอะ เลยกลัวว่าจะไม่ได้ความเป็นธรรม