svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เมีย 29 ปี ร้อง "ผัวทหารนายสิบ" ซ้อมน่วม อ้างแบ็คดีไม่กลัวกฏหมาย

เมียสาววัย 29 ปี ร้อง "รมว.กลาโหม" หลัง "สามี ทหารยศสิบโท" เข้าร้องเรียน ทำร้ายร่างกาย ทุบตีจนน่วม แจ้งความนับ 10 คร้ัง คดีก็ไม่คืบ อ้างมีแบ็คดีไม่มีใครทำอะไรได้ ด้าน "เจ้ากรมการเงินกลาโหม" รับเรื่อง พร้อมตั้งกรรมการสอบ หากพบผิดจริง "สั่งขังและปลดทันที"

จากกรณี มีหญิงสาวรายหนึ่งได้ร้องเรียนมายังมูลนิธิเป็นหนึ่งหลังถูก "สามีทหารยศ.นายสิบ" ทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บ มิหนำซ้ำแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ ด้านฝ่ายชายอ้างมีผู้ใหญ่หนุนหลัง นั้น 

29 ตุลาคม 2567 ที่กระทรวงกลาโหม "ต้นอ้อ" พา น.ส.ธิดาภรณ์ อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กรณีโดนสามีทหาร "ยศนายสิบ" สังกัดสำนักปลัดกลาโหมทำร้ายร่างกาย 

 

เมีย 29 ปี ร้อง "ผัวทหารนายสิบ" ซ้อมน่วม อ้างแบ็คดีไม่กลัวกฏหมาย

โดยมี พล.ท.ณัฐพล เกิดชูชื่น เจ้ากรมการเงินกลาโหม และพ.อ.ฐาปนา อุไรวรรณ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับเรื่อง

 

 

เมีย 29 ปี ร้อง "ผัวทหารนายสิบ" ซ้อมน่วม อ้างแบ็คดีไม่กลัวกฏหมาย

 

น.ส.ธิดาภรณ์ เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับ ธนชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นสามีมา 2 ปี โดยสามีของตนทำงานรับราชการเป็นทหาร ยศนายสิบ สังกัด สำนักปลัดกลาโหม ตำแหน่งพลขับ ซึ่งในระหว่างที่ตนอยู่กินกับนายธนชัยก็ได้มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 1 ขวบ 30 วัน โดยก่อนที่สามีของตนจะรับราชการเป็นทหาร 
 

ตนยอมรับว่า พฤติกรรมของสามีไม่ใช่คนรุนแรงเช่นนี้ ทะเลาะ กันทีไรก็ไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน จนกระทั่งมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้ฝากสามีเข้ารับราชการทหาร และหลังจากที่ตนคลอดลูกชายได้ประมาณ 10 วัน พฤติกรรมของสามีก็เปลี่ยนไป คือ เวลามีปากเสียงสามีก็มักจะทำร้ายร่างกาย โดยการตบตี บีบคอ จับหัวกระแทก

 

บางครั้งถึงขั้น วิดีโอคอลทำร้ายร่างกายตนต่อหน้าต่อตาพี่สาวเขา จนเป็นเหตุทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ เส้นเลือดฝอยในตาแตก และปากแตก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ที่บ้านพักพนักงานของเสธ บริเวณซอยลาดพร้าว 130 โดยตนก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่า สามีของตนจะมีการโดนว่ากล่าวตักเตือนอะไร  

 

หลังจากนั้นตน และสามีได้มีการย้ายที่พักอาศัยมาอยู่แฟลตบ้านพักที่เมืองทองธานี เนื่องจากสามีได้ยายทำงานมาอยู่ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมศรีสมาน ในขณะที่ตนย้ายมาอยู่กับสามีนั้น ตนยอมรับว่า เวลามีปากเสียงทะเลาะกัน

ตนมักถูกสามี ทำร้ายร่างกาย โดยการกระโดดทับท้อง ต่อยที่ศีรษะและใบหน้าอย่างรุนแรง ไม่ยั้งมือซึ่ง ปัญหาที่ทะเลาะกันส่วนมากมาจากเรื่องหึงหวง แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีการแจ้งความไปแล้วแต่ ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่มีการดำเนินคดี 

 

โดยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตนเคยทักไปบอกหัวหน้าสามี ถึงพฤติกรรมของสามี และทำการการเดินทางร้องเรียนไปยังต้นสังกัดของสามี แต่หัวหน้าของสามีกลับบอกกับตนว่า ให้ขึ้นมาคุยกันก่อน พอตนขึ้นไปพบหัวหน้างานของสามี ตนจึงเห็นว่า ทางหัวหน้างานของสามีก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนสามีตน 

 

ก่อนจะมีการให้ทางสามีตน วิดพื้น 50 ที ซึ่งตนมองว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนถูกสามีทำร้ายร่างกายขนาดนี้ เหตุใดทาง หัวหน้าของสามีจึงลงโทษแค่นี้ มิหนำซ้ำทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานยังพูดจาหัวเราะถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนตนเป็นตัวตลก จึงทำให้ตนรู้สึกว่ากฎระเบียบของทหารบทลงโทษของทหารที่ทำร้ายภรรยาตัวเองมีเพียงแค่นี้จริงหรือ 

 

สาเหตุที่ตอนยังอยู่กินกับสามีคนนี้นั้น เพราะว่า ตนเคยผ่านการมีครอบครัว และมีลูกมาแล้ว ตนไม่อยากให้ลูกต้องขาดพ่อ อยากอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แต่เรามีปัญหาบั่นทอนกันมาเรื่อยๆ ที่ผ่านมาตนยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนและครอบครัวของสามีนั้นก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เพราะเคยมีปัญหาเรื่องเงินกัน เนื่องจากที่ไปกู้หนี้นอกระบบมาใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งพี่สาวสามีเป็นคนแนะนำให้ ต่อมาในตนได้ขาดส่งหนี้ 

 

จนกระทั่งวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปรอสามีอยู่ที่โต๊ะสนุ๊ก เนื่องจากพฤติกรรมของสามีเป็นคนชอบเล่นการพนัน ซึ่งในวันนั้น พี่สาวสามีได้พาเจ้าหนี้มาทำร้ายร่างกายตน ต่อหน้าต่อตาสามี แต่สามี ไม่ช่วยเหลืออะไรตนเองเลย และในวันเดียวกันตนได้ถูกสามีทำร้ายร่างกายอีกครั้ง เนื่องจากตนปลุกสามีขึ้นมาถามทางระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ซึ่งสามีก็ได้มีการทำร้ายร่างกายตนด้วยการเอาศอกมาแทงหน้า และแทงหน้าอกตน ก็จะมีการลงมือทำร้ายตบตีในขนาดที่ลูกหนึ่งขวบนอนอยู่ในรถ

 

ตอนนั้นตนยอมรับว่าตกใจ และเริ่มเห็นท่าไม่ดี จึงพยายามเปิดประตูรถ เพื่อที่จะลงจากรถ แต่กลับถูกฝ่ายชายกระชากตัวไว้ก่อนจะมีการตบตีอีกครั้งแบบไม่ยั้ง เหมือนไม่ใช่ผัวเมีย เหมือนไม่ใช่คนที่เคยรักกัน  และด้วยความเจ็บปวดร่างกาย ตอนนั้น ตนพยามขอร้องสามีบอกให้พอ และให้เขาอุ้มลูกไป ก่อนที่ตนจะวิ่งลงมากลางทางบอกให้พลเมืองดีที่ขับรถพ่วงช่วยเหลือ 

 

ทั้งนี้ ตนยืนยันได้ว่า การกระทำของสามีคนนี้ต้นเคยไปแจ้งความกับทางเจ้าที่ตำรวจหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นฝ่ายชายถูกดำเนินคดีแต่อย่างใดมิหนำซ้ำต้นยังถูกฝ่ายชายพูดโอ้อวดว่า กูเห็นมึงไปแจ้งความเป็น 10 ใบแล้ว ไม่เห็นใครจะทำอะไรกูได้ เขาพูดท้าทายทุกอย่าง  

เมื่อก่อนตนอยากรักษาครอบครัว แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ตนควรรักตัวเองและรักลูก และตนอยากให้เขาได้รับสิ่งที่เขาทำกับผู้หญิงคนนึง เพราะตนไปร้องเรียนก็แล้วแจ้งความก็แล้วไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

 

จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกว่า ตนได้รับความเป็นธรรมอะไรเลย ตนเจ็บช้ำทั้งกายทั้งใจ ระบมไปหมด แต่ฝ่ายชายกลับไม่ได้รับโทษอะไรเลยถ้าเป็นไปได้ต้นอยากให้ฝ่ายชายออกจากราชการ และจะยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

อยากให้ต้นสังกัดของฝ่ายชาย พิจารณาบทลงโทษให้เข้มงวดกว่านี้ ไม่ใช่แค่การวิดพื้น และไม่อยากให้มองว่า เรื่องทำร้ายร่างกายนั้นเป็นเรื่องภายในครอบครัว หรือเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมีกฎหมายรองรับความรุนแรงภายในครอบครัว 

 

พล.ท.ณัฐพล เกิดชูชื่น เจ้ากรมการเงินกลาโหม ผู้บัญชาการต้องสังกัดฝ่ายชายรับเรื่อง เผยว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาสอบสวนพฤติกรรมของฝ่ายชายหากพบว่ามีความผิดจริงจะมีกันฝากขังตามกฎระเบียบของทหาร และจากการที่ผู้เสียหายได้มีการไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 2 คดี ในข้อหาทำร้ายร่างกายนั้น

หากสำนวนเจ้าที่ตำรวจบ่งบอกว่าเป็นคดีอาญาก็จะมีการสั่งปลดฝ่ายชายทันทีและหลังจากนี้จะมีการพูดคุยหารือที่พักให้กับฝ่ายหญิงหลังจากที่ฝ่ายถูกฝ่ายชายไล่ออกจากบ้าน ซึ่งทางหน่วยงานจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายและจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา