
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยได้รับการแจ้งผ่านเพจสืบนครบาลว่า มีคนร้ายตระเวรลักฝาท่อระบายน้ำ อาจเป็นเหตุให้คนเดินเท้าตกหรือประสบอุบัติเหตุตกลงไปได้
วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ( 28 ต.ค.2567) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ ,พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 4 จับกุมตัว
นายสุรสิทธิ์ หรือ “บิ๊กสาธร” อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5180/2567 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
“ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้นๆ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
พร้อมด้วยของกลางจำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย
โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณห้องพัก หอพักไม่มีชื่อ แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
สำหรับพฤติการณ์ผู้ต้องหาได้ตระเวนขับรถจักรยานยนต์ เพื่อก่อเหตุลักทรัพย์จนกระทั่งสบโอกาส และได้เข้ามาก่อเหตุในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านพญาไท
ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้กระทำความผิดจริง โดยอ้างว่ามีเจ้าที่ เจ้าทาง บอกให้มาลักทรัพย์ฝาท่อระบายน้ำที่จุดดังกล่าว จากนั้นได้นำไปขายได้เงินมา 2-3 ร้อยบาท เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของนายสุรสิทธิ์ มีรายละเอียดดังนี้
1. ข้อหา มียาเสพติดไว้ในครอบครอง เมื่อ พ.ศ. 2560
2. ข้อหาเสพยาเสพติด สน.ดุสิต เมื่อ พ.ศ. 2563
3. ข้อหาเสพยาเสพติด สภ.กุสุมาลย์ จว.สกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2564
จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า ไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การผู้ต้องหาแต่อย่างใด ซึ่งผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองและเสพยาเสพติด น่าจะทำไปเพราะยาเสพติด ขอให้ทุกคนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หากคุณสงสัยว่าคนในครอบครัว ลูกหลาน หรือคนใกล้ตัวมีการใช้และเสพติดยาเสพติด สอบถามและพูดคุยอย่างเข้าใจ โดยไม่ใช่อารมณ์และไม่โทษผู้เสพ หากมีการพูดคุยแล้ว หรือไม่สามารถรับมือกับผู้เสพได้ ขอให้คุณติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด เพื่อดำเนินการต่อไป