svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ไม่ได้ไปต่อ! โอกาสประกันตัว "18 บอส ดิไอคอน ระหว่างฝากขัง "ค่อนข้างริบหรี่"

ไม่ได้ไปต่อ! โอกาสประกันตัว "18 บอส ดิไอคอน ระหว่างฝากขังค่อนข้างริบหรี่ คำค้านฉบับเต็ม เป็นอาชญากรรมเศรษฐกิจร้ายแรง พร้อม "เปิดพฤติการณ์ 18 บอส" พร้อมดูรายการ 15 สินค้าดิไอคอน ขายอะไร ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง

21 ตุลาคม 2567 ภายหลังพนักงานสอบสวนกองบังคับบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้นำตัว "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล พร้อมบรรดาบอสๆดิไอคอนรวม 18 ราย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ต่อศาลอาญา

 

ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ประชาชน" อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่2พ.ศ.2560มาตรา 14(1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

สำหรับพฤติการณ์แห่งคดีของเหล่า "บอสดิไอคอน" ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากทางพนักงานสอบสวน ว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัดได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต่อนายทะเบียนเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2561

 

มี "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องหาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจจัดการบริษัทตั้งแต่เริ่มก่อการบริษัทจนถึงปัจปัจจุบันเพียงผู้เดียว และเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2562 ได้รับการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ตาม พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ประกอบกิจการขายสินค้าปลีกทางระบบบตลาดออนไลน์โดยมีสินค้าจำนวน 15 รายการ ประกอบด้วย

1.บูม กลูต้า ช็อตส์
2.บูม คอลลาเจน
3.บูม วิต ชี
4.โกโก้ พลัส
5.ดี-แนกช์
6 .ชีป ซี
7.ยาสีฟัน
8.ไอคอล มีล
9.ไอคอน เฟส เอ็ก โซ ครีม สกิน เพอร์เฟคชั่น
10.ไอคอนเฟส ไอ เซรั่ม นาโนโปร ไฮยา ไลโซม โฮโตร บุสเตอน์
11.ไอคอน เฟส ยูนิเวอร์แซล ซันสกรีม เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++++
12.รุมไฟเบอร์รี
13.กาเเฟปรุงสำเร็จชนิดผง ตรารูมคอฟฟี่
14. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ชิป 
15.ซิป เวยโปรตีน พลัส มัลติ-วิตามิน 

 

ระหว่างวันที่ 12 ส.ค.2563- 31 ส.ค.2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก โดยบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมี ผู้ต้องหาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจจัดการกับพวก ได้ร่วมกันหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายด้วยการเปิดรับสมัครให้เข้ารับการอบรมขายสินค้าออนไลน์ โดยหลอกว่าจะสอนวิธีการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งผู้สนใจจะต้องชำระค่าธรรมเนียประมาณ 100 บาทต่อคน

 

แต่ระหว่างการอบรมนั้นผู้ต้องหากับพวก จะแนะนำชักจุงให้ผู้อบรมร่วมลงทุนซื้อสินค้าของบริษัท ฯ เพื่อนำไปจำหน่าย โดยทำให้หลงเชื่อสินค้าของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เป็นสินสินค้าดีมีคุณภาพขายง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จะลงทุนในแต่ละ คอร์ส เมื่อผู้เสียหายลงทุนซื้อคอร์สไปแล้ว ทางบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และผู้ต้องหากับพวกจะจัดส่งสินค้าให้ผู้ลงทุนเพื่อ
นำไปขายต่อ

 

ต่อมาเมื่อมีผู้เสียหายเข้าไปทำการอบรมคอร์สดังกล่าวมากขึ้น ผู้ต้องหากับพวกเริ่มชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายเข้า ร่วมลงทุนตามแผนการลงทุนที่บริษัทของผู้ต้องหา จัดทำขึ้นและอ้างกับผู้เสียหายว่า สามารถทำกำไรได้เป็นจำนวนจำนวนมากกว่าการขายสินค้าในระบบออนไลน์ โดยแบ่งการลงทุนเป็น

1.Distibutor เปิดบิลซื้อสินค้า 2,500 บาท 
2.Superviser เปิดบิลซื้อสินค้า 25,000 บาท 
3. Mini Dealer เปิดขึ้นสินค้า 50,000 บาท
4.Dealerเปิดบิดสินค้า 250,000บาก 

 

รวมทั้งผู้อบรมที่ร่วมลงทุนกับกับบริษัทฯ ยังได้สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ได้ส่วนลดสินค้า Git Voucher และทริปไปเที่ยวต่างประเทศ

 

โดยมีการเผยแพร่แผนการประกอบธุรกิจการจ่ายค่าตอบแทนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อมูลอันเป็นเป็นเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์มุ่งเน้นการหาผลประโยชน์ตอบแทนจากการชักชวนบุคคลอื่นมาสมัครเป็นสมาชิกมากกว่า การขายสินค้าที่ทางบริษัทได้เคยนำเสนอกับทางผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงหรือแสดงข้อความอันเป็นเป็นเป็นสาระสำคัญที่ควรระแจ้งให้ผู้เสียหายทราบ 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้นพบว่าในการชักชวนข้างต้นบริษัทฯโดยผู้ต้องหากับพวกอ้างว่าบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปจำกัด ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนในระบบระบบขายตรง ทั้งที่ความเป็นจริง บริษัทฯของผู้ต้อหาไม่ได้รับ 

 

ใบอนุญาตแต่อย่างใดทำให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ลงทุนเข้าใจว่าบริษัทของผู้ต้องหาเป็นบริษัทขายตรงและมุ่งหากำไรจากธุรกิจการสินค้าออนไลน์ ไม่ได้แสวงหากำไรจากระบบหาสมาชิก 

 

กลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยวิธีการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อโฆษณาหรือเชิญชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนกับบริษัทของผู้ต้องหา เพื่อจะได้รับผลตอบแทนในอัตราสูงผู้เสียหายหรือประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและเข้าร่วมลงทุนตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่ความจริงแล้วบริษัทของผู้ต้องหา และพวก กันพวกไม่มีการนำเงินที่ได้รับจากผู้เสียหายไปประกอนธุรกิรกิจตามที่กล่าวอ้างไว้กับผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุใด้รับความเสียหาย 

 

โดย  17 ต.ค.2567 มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 10-17 ต.ค.2567 จำนวนมากถึง 1,759 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวนมากถึง 729,824,115 บาทบาท และเชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอีกจำนวนมาก รวมถึงจะมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากตามไปด้วย 

 


โดยกลุ่มผู้ต้องหามีการแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้

กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้บริหาร
1.บริษัท ดิโอคอนกรุ๊ป จำกัด โดย "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ
2."บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหานี้
3."บอสแล็ป" นายจิระวัฒน์ แสงภักดี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ The (Con systern)ของบริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป จำกัด
4."บอสปีเตอร์" นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้วางแผนการดำเนินการทางธุรกิจให้กับบริษัท

 

กลุ่มที่ 2 กลุ่มจัดหาสมาชิกให้กับทางบริษัท (แม่ทีม)
1."บอสปัน" น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์อนพร เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท.และทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกันบริษัท(หัวหน้าสาย)
2."บอสหมอเอก" ดร.ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
3."บอสสวย" น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
4."บอสโซดา" น.ส.ญาติกัญจณ์ เอกชิสนุทงศ์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
5."บอสโอม" นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท(หัวหน้าสาย)
6."บอสวิน" นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท(หัวหน้าสาย)
7."บอสแม่หญิง" น.ส.กนกธร ปรณะสุคนธ์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
8."บอสอูมมี่" น.ส.เสาวภา วงษ์สา ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
9."บอสทอมมี่" นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์  ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกันบริษัท (หัวหน้าสาย)
10 "บอสป๊อป" น.ส.หัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
11."บอสจอย" น.ส.วิไลลักษณ์ ยาวิชัย ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุบบริษัท(หัวหน้าสาย)ย) 
12."บอสอ๊อฟ" นายธนะโรจน์ ธีติจริยาวัชร์ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท

 

กลุ่มที่ 3 กลุ่มพรีเซนเตอร์(ดารา) ประกอบด้วย

1."บอสแซม" นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทเพื่อสร้างความาเชื่อถือถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัท การแอบอ้างข้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ


2."บอสมิน" น.ส.พิชญา วัฒนามนศรี ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัทการแอบอ้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ


3."บอสกันต์" นายกันต์ กันตถาวร ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัทการแอบอ้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการชักชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุนรูปแบบต่างๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย

 

ยังมีรายงานข่าวอีกว่า ในชั้นฝากขังทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลหลายประการว่า เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหากับพวกเป็นการร่วมกันกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบคดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 10-17 ตุลาคมพ.ศ. 2567 จำนวนมากถึง 1,759 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวนมากถึง 729,824,115 บาท 

เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอีกจำนวนมาก รวมถึงจะมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น อีกเป็นจำนวนมากตามไปด้วย ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายเชิงเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างทำให้เงินไหลออกนอกระบบ  สร้างปัญหาหนี้สินและสร้างพฤติกรรมเลียนแบบหวังรวยทางลัดโดยสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น รวมทั้งคดีนี้มีอัตราโทษสูง

หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานซึ่งจะก่อเหตุอันอันตรายประการอื่น และยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลังรวมถึงอาจจะ โอนหรือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของตนที่ได้ไปจากการกระทำความผิดไปให้กับผู้อื่น ทำให้ไม่สามารถนำทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาคุ้มครองสิทธิ์เพื่อชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายได้อาจส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ