ผบก.น.9 เผย ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติบัติหน้าที่ ได้รับสวัสดิการ ตร. บช.น.

ความคืบหน้ากรณี นายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง อายุ 50 ปี ก่อเหตุทะเลาะกับบุคคลภายในบ้าน ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เข้าระงับเหตุจนเสียชีวิต และมีตำรวจบาดเจ็บอีกนาย เมื่อช่วงเวลากลางดึกที่ผ่านมา บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ  ซึ่งตำรวจได้มีการปิดล้อมและพบว่า นายบุญมาเสียชีวิตในช่วงเช้ามืด รายละเอียดอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 กรกฏาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม และพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ได้ประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ดำเนินการตรวจสอบร่างนายบุญมา หรือเฮียตุ้ง เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ 

 

พล.ต.ต.ประสงค์ เปิดเผยว่า กรณีของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จากทางสวัสดิการของ ตร. บช.น. และ บก.น.9 ระหว่างเกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ พร้อมสายตรวจ และจราจร สน.ท่าข้าม ครั้งแรกได้เข้าระงับเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ออกมาแต่อย่างใด แต่เห็นว่า มีเด็กลูกของผู้ก่อเหตุ 2 คนอยู่ภายในบ้าน ทางญาติขอให้เข้าทำการช่วยเหลือ

ระหว่างเข้าทำการจับกุม จะเข้าไปคว้าตัวคนก่อเหตุ แต่ลูกที่เป็นตัวประกันวิ่งสวนออกมา ทำให้ถูกยิงดังกล่าว โดยที่ไม่ทราบว่า ผู้ก่อเหตุตั้งใจยิงใส่เลยหรือไม่ แต่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ตั้งใจระงับเหตุให้จบเสร็จ และช่วยเด็กที่เป็นตัวประกันออกไปให้ได้ ทั้งนี้ รอผลชันสูตรตรวจร่างของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จากแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดยางสุทธาราม หลังทางวัดยังไม่สะดวกเนื่องจากติดกิจกรรมวันเข้าพรรษา ในวันพรุ่งนี้ ( 22 ก.ค.) ต่อไป

สำหรับร่างของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ในวันนี้เจ้าหน้าที่นิติเวชจะทำการชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ก่อนจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด ส่วนในด้านของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว 6 ปาก ประกอบด้วยภรรยาผู้เสียชีวิต และลูกของผู้เสียชีวิตอีก 5 คน พบว่า ทั้งหมดอยู่ในอาการเครียด ส่วนสาเหตุที่ที่ตำรวจให้น้ำหนักสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง ไปที่การจบชีวิตตัวเองนั้นเนื่องจากเมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เลือดในที่เกิดเหตุแห้งแล้ว แต่ความชัดเจนต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานจากทาง แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานการเข้าตรวจสอบศพของ เฮียตุ้ง ที่เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุพบว่า ร่างของเฮียตุ้ง นั่งห้อยขาที่เตียงนอนบริเวณชั้นลอย ลีกษณะท่าคือล้มเอียงไปทางฝั่งขวา ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับปืนไม่ทราบชนิดของผู้ตายตก อยู่ตรวจสอบทางร่างกายพบกระสุนปืน ที่บริเวณขมับด้านขวาของผู้ตายอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เฮียตุ้ง ป่วย ต้องกินยาตลอด เคยไปรักษารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่ขอร้องภรรยาว่า อยากกลับมาอยู่บ้านจนไม่ยอมกินยาแล้ว อาการกำเริบหนัก

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับ คนสนิทของภรรยาผู้เสียชีวิต เขาเล่าให้ฟังด้วยว่า เมื่อวานนี้ลูกสาวของเฮียตุ้งมาช่วยงานพ่อ เพราะสงสารพ่อ แล้วก็ภรรยาเฮียตุ้งโทรมาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ถามเพื่อนสนิทคนนี้ว่า

“ลูกสาวอยู่ในบ้านถูกปืนตบหัว มีตำรวจมาหรือยัง รถแดง ก็คือรถของเฮียตุ้ง ยังอยู่ไหม” เพื่อนภรรยาคนนี้จึงบอกกลับไปว่า” มีแล้ว โดยตอนนั้นยังไม่เกิดเรื่อง ก่อนจะพบว่าตำรวจถูกยิง ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้ช่วยลูกสาว 2 คนของเฮียตุ้ง ให้ปีนบันไดลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน ด้วย
  
โดยภรรยาของเฮียตุ้งกับลูกๆ ทั้งหมด ได้ย้ายไปเช่าคอนโดอยู่ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เหลือเพียงเฮียตุ้งคนเดียวที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ สาเหตุก็เพราะภรรยาและลูกหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่กับเฮียตุ้ง ที่ผ่านมาภรรยาเคยถูกซ้อมอดทนจนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจย้ายหนีออกไป
และช่วงหลังที่ภรรยาและลูกไม่อยู่ ก็มักจะชอบยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความเครียด พร้อมตะโกนว่า “เอาเมียกูคืนมา” แล้วยังคิดว่าภรรยามีชู้ ชอบขโมยเงินด้วย และทราบว่า เฮียตุ้งป่วย ต้องกินยาตลอด เคยไปรักษารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่ขอร้องภรรยาว่าอยากกลับมาอยู่บ้านมจนไม่ยอมกินยาแล้ว อาการกำเริบหนัก

ด้าน นายนพดล (สงวนนามสกุล) เพื่อนบ้านเฮียตุ้ง เล่าว่า เฮียตุ้งชอบมานั่งกินเหล้า เขาเล่าให้ฟังว่า ปกติเฮียตุ้งแกก็มักตะมากินเหล้าเป็นประจำ และจะพกปืนออกมาด้วยตลอด เฮียตุ้งเคยพูดให้ฟังด้วยว่า เขาจะยิงใครก็ได้ ไม่ผิดเพราะเขามีบัตรคนบ้า และยังตัดพ้ออีกว่าเครียด เมียก็ไม่เอา ลูกก็ไม่เอา อยากฆ่าตัวตาย ซึ่งตนยังเคยปลอบใจ ปกติจะได้ยินเสียง เฮียตุ้งยิงปืนในบ้านแทบทุกวัน บ่อยมากๆ บางครั้งลูกเขายังต้องวิ่งมาขอความช่วยเหลือเลย และนิสัยแกจะเหมือนคนไม่ค่อยกลัวใคร ไม่มีใครอยากไปยุ่งด้วยเพราะก็กลัวถูกลูกหลง
   

ที่ผ่านมาตำรวจเข้ามาเจรจาระงับเหตุอยู่บ่อยครั้งแล้ว และตอนเกิดเหตุเมื่อวานตนเองก็เห็นเฮรบตุ้งยิงตำรวจแล้วล้มลง นาทีนั้นตนเองก็หมอบแล้วเขาไปหลบหลังบ้านเพราะก็กลัวถูกยิงไปด้วย