
19 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล 3 และตำรวจสืบสวนนครบาล สามารถจับกุม นายพงษ์ศธร หรือ บาส อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุชิงทองคำหนัก 40 บาท ภายในร้านทอง ในห้างดังย่านสุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ ก่อนจะหลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่จับกุมนายพงษ์ศธร ได้ที่ จ.นครนายก
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 40 บาท ในห้างดังย่านสุขาภิบาล 3 ก่อนจะหลบหนีไป ต่อมา ศาลอาญามีนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับ นายพงษ์ศธร หรือ บาส ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ขณะที่มีการรายงานจากชุดสืบสวน ระบุว่า หลังก่อเหตุ นายพงษ์ศธรได้หลบหนีไปบ้านญาติที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อตำรวจไปติดตามพบว่า ญาติได้ไล่ตะเพิดนายพงษ์ศธรออกจากบ้านไปแล้ว หลังรู้ว่าไปก่อเหตุชิงทองมา
ทางตำรวจจึงทำการแกะรอยเส้นทางหลบหนีของผู้ก่อเหตุ และยังพบข้อมูลด้วยว่าผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์คันหนึ่งไปที่ จ.ฉะเชิงเทราเอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถของใคร แต่แนวทางการสืบสวนเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุลงมือเองเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการ และไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน
ญาติ เผย อยากให้มอบตัว
ขณะเดียวกันในวันนี้ ทีมข่าวได้รับการประสานติดต่อจากญาติของผู้ก่อเหตุ ว่าภายหลังจากก่อเหตุ ตัวของผู้ก่อเหตุได้เดินทางหลบหนีไปบ้านญาติ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยนายเอ (นามสมมติ) เป็นญาติกันกับนายบาสผู้ก่อเหตุ มีความสนิทสนมกันในวัยเด็ก พอโตมาก็แยกกันไปใช้วิถีชีวิต เล่าว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลใจ กังวลว่าผู้ก่อเหตุจะไปฆ่าปิดปากแม่ของตน เพราะว่าแม่ของตนรู้ข้อมูลเยอะ
และเมื่อวานนี้ตอนที่ตนโทรศัพท์ไปสอบถามแม่นั้นก็ได้พูดคุยกับตัวผู้ก่อเหตุ เขาบอกว่าจะหนีไป จ.นครนายก แต่ที่จังหวัดนั้นไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องใครใดๆ และตนก็ได้ถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงก่อเหตุเขาก็เงียบไม่ตอบ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นปัญหายาเสพติด เพราะผู้ก่อเหตุติดยาเค เชื่อว่าน่าจะมีปัญหาหนี้สิน
ส่วนประวัติการเล่นพนันออนไลน์นั้นตนไม่แน่ใจ และตนจึงได้ถามนายบาส ต่อว่าจะหนีหรือจะมอบตัว เขาตอบว่าจะหนี ตนก็เลยบอกว่าถ้าจะหนีก็หนีไปเลยตอนนี้ และเขาก็ติดรถออกไป และในวันที่หนีออกไปก็ติดกระเป๋าซึ่งมีทองของกลางออกไปด้วยทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็อยากให้เขามอบตัวไม่อยากเห็นข่าวที่มันเลวร้ายไปกว่านี้
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางต่อมายังบ้านพักของนายบาส ที่สุเหร่าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่พบแม่ของนายบาสอยู่ เนื่องจากไปทำงาน จึงได้พูดคุยกับ นายบี (นามสมมติ) ญาติของนายบาสอีกคน โดยนายบี เล่าว่า ภายหลังจากบาสก่อเหตุชิงทองเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปอีกรอบ โดยใช้รถจยย. คันก่อเหตุไปจอดไว้ และต่อแท็กซี่ไปไหนสักที่เพื่อใช้รถยนต์ หนีต่อไปที่บ้านญาติ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตนก็ถามกับตัวบาสว่าจะมอบตัวไหม หากจะมอบตัวก็จะพามามอบ แต่ถ้าจะหนีก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าหนีไปอยู่ไหนแล้ว แม่ของเขาก็เครียดเป็นห่วงเขาอยากให้มอบตัว อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าอยู่ไหน จะหนีไปได้สักกี่วัน มองแล้วไม่น่าจะรอด
นายบี ยังบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน บางครั้งบาสก็เอารถน้องไปขับส่งอาหารบ้าง ซึ่งเขามีพฤติกรรมติดยาเคหนัก เพราะน้องชายเขาให้ข้อมูลมา แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเหตุให้ถึงขั้นต้องไปชิงทองร้านทอง ปกติเขาจะมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย ขโมยเพียงแต่ของคนในบ้านไม่ได้มากมาย เราก็ไม่ได้แจ้งตำรวจ เพราะเป็นคนในบ้านก็คิดว่าเขาจะสำนึก จนกระทั่งมามีเหตุชิงทองร้านทอง
ส่วนเรื่องประเด็นค้ายาเสพติด ปัจจุบันไม่มี แต่ก่อนหน้านี้เคยมีเพื่อนๆพูดกันบ้าง เขาไม่ได้ไปเกเรเมาเหล้าที่ไหน ได้ยินมาจากเพื่อนเขาว่า เขาติดหนี้เยอะ เล่นพนันออนไลน์ แล้วก็เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนน่าจะรู้ ก่อนเขาออกไปก่อเหตุไม่มีพฤติกรรมอะไรให้สงสัย มีเพียงผิดปกติที่มาล็อกประตูหน้าบ้าน ซึ่งปกติเราจะเปิดโล่ง เพราะเราต้องขับรถจยย.เข้าออกอยู่เป็นประจำ เราก็ยังแอบคิดอยู่ว่าไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำไมถึงต้องล็อกบ้าน ส่วนจะไปกู้หนี้นอกระบบมาหรือไม่นั้นอันนี้ไม่รู้ ก็อยากให้เขามอบตัว หนักจะได้กลายเป็นเบา ก็เข้าสู่กระบวนกระบวนการตามกฎหมาย เพราะเขาก่อเหตุไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ
เผยเส้นทางหลบหนี ก่อนถูกรวบตัว
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของนายบาส พบว่า มีการขึ้นรถแท็กซี่ไปจนถึงย่านคลองสอง จังหวัดปทุมธานี ก่อนจะมีรถเก๋งขับมารับพาหนีต่อ ซึ่งตำรวจตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่ารถยนต์คันนี้ ไม่ใช่ผู้ร่วมขบวนการอีกคนที่พาผู้ก่อเหตุหลบหนีแต่เป็นรถยนต์มือสอง ที่ผู้ก่อเหตุขอซื้อจากคนที่ประกาศขายในราคา 80,000 บาท แล้วให้นำไปส่งที่จุดนี้
จากนั้น นายบาส ได้ขับรถต่อไปญาติที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่เมื่อญาติทราบข่าวจึงขับไล่ให้ผู้ก่อเหตุไปที่อื่น นายบาสจึงขับรถคันที่ซื้อมาหลบหนีต่อไป
กระทั่งเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ชุดสืบสวนจะสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่บริเวณแยกสาริกา ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ขณะขับรถตระเวนหลบหนีตลอดทั้งคืน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บิ๊กจ๋อ แถลงจับกุม "บาส หลอแหล สายกลาง" รับสารภาพก่อเหตุเพราะต้องการเงินไปซื้อยาเสพติด
ต่อมาเวลา 18.40น. ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ได้ควบคุมตัว นายพงษ์ศธร มะหะมาน หรือ บังบาส พร้อมของกลาง เป็นทองคำ รูปพรรณ จำนวน 22เส้น เคตามีน 50 กรัม และรถของกลางที่ใช้ในการหลบหนี ยี่ห้อฮอนด้า Civic สีเขียวขี้ม้า มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ระหว่างที่ควบคุมตัวขึ้นไปด้านบน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามประเด็นสาเหตุถึงการก่อเหตุ และสิ่งที่ผู้ต้องหาต้องการสื่อสารอะไรหรือไหม แต่บังบาสกลับไม่ยอมพูดถึงประเด็นใด ๆ ทั้งสิ้น
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ทำการสอบสวนด้วยตนเอง ถึงสาเหตุการก่อเหตุ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพด้านใน ภายหลังการซักถามประมาณครึ่งชั่วโมง ได้เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่า การชิงทรัพย์ร้านทองไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการชิงทรัพย์ปั๊มน้ำมัน ย่านกาญจนาภิเษก 15 มิ.ย.67 ย่านกาญจนาภิเษก ได้เงินไปจำนวน 15,410 บาท ครั้งที่ 2 ชิงทรัพย์ CJ Express ย่านกาญจนาภิเษก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 ได้เงินไป 3,700 บาท และ ครั้งที่ 3 ชิงทรัพย์ เซเว่นอีเลฟเว่น เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 ได้เงินไป 5,157บาท โดยการก่อเหตุในครั้งที่ 2 และที่ 3 ห่างกันเพียง 5 วันเท่านั้น จนกระทั้งมาจนมุมกับการชิงทองครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากต้องการเงินไปซื้อยาเสพติด (เคตามีน) และใช้จ่ายทั่วไป โดยภายหลังจากการชิงทอง ได้นำทองคำ จำนวน 4 บาทไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง และเงินที่ได้มาซื้อรถยนต์เพื่อใช้ในการหลบหนี และซื้อเคตามินมาไว้เพื่อเสพ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหายังให้การสารภาพต่อว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียวและที่เลือกร้านทอง เนื่องจากมีทำเลทำเลที่ค่อนข้างที่จะหลบหนีง่าย ไม่มีประตูเหล็กหรือระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ส่วนประเด็นที่ว่าการเล่นเกมของผู้ต้องหา มีผลต่อการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่า การเล่นเกมไม่ได้มีผลโดยตรงกับการก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวของผู้ก่อเหตุมากกว่า หลังจากนี้ต้องมีการขยายผลในเรื่องของยาเสพติดว่า ผู้ต้องหาไปซื้อยาเสพติดมาจากใคร และขยายผลในเรื่องของทองคำที่นำไปขายว่า เหตุใดร้านทองจึงรับซื้อต่อ
ทั้งนี้หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดตามทรัพย์สินของกลาง มาได้จำนวนหนึ่ง ประกอบด้วยทองคำ จำนวน 22 เส้น เส้นละ 1 บาท เงินสดที่เหลือจากการขายทอง ประมาณ 10,000 บาท , โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเคตามีน 43.21กรัม อย่างไรก็ตามสำหรับร้านค้า หรือผู้ประกอบการร้านใด ที่ถูกผู้ก่อเหตุ เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ สน.มีนบุรี และ สน.บางชัน เพราะเชื่อว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะเคยลงมือแค่ 4 ครั้ง