
จากกรณีเจ้าของบริษัทผลิตลูกชิ้นยืนกิน นำคลิปวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ มีชายขโมยลูกชิ้นที่วางไว้หน้าร้าน 1 ถุงจากที่วางไว้ 2 ถุง มูลค่า 300 บาท ต่อมาตำรวจจับกุม "นายธง อายุ 50 ปี" โดยรับสารภาพก่อเหตุจริง เพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้าและร้านปิดแล้ว
12 ก.ค.2567 ล่าสุด พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดบุรีรัมย์ นำข้าวสารอาหารแห้งบางส่วนไปมอบให้ครอบครัว นายธง ที่อำเภอลำปลายมาศ เพื่อให้กำลังใจ
สอบถาม พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ทราบว่า กรณีดังกล่าวยอมรับว่าเห็นใจผู้ต้องหาหลังทราบว่าฐานะยากจนที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ และต้องแบกรับภาระหลายชีวิต แต่ในทางคดีเป็นเรื่องของกฎหมาย กรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นใบหน้าและปรากฎเวลาก่อเหตุชัดเจน ตอนนั้นไม่มีใครทราบประวัติของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวน คือ ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก รองสารวัตร (สอบสวน)ต้องแจ้งข้อกล่าวหา "ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ" ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน เป็นความอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ ถึงแม้ต่อมาเจ้าของร้านลูกชิ้นจะมาขอถอนแจ้งความก็ตาม
ส่วนผลของคดีขึ้นอยู่กับศาลซึ่งเป็นผู้พิจารณา แต่หากเป็นการลักทรัพย์ธรรมดา ซึ่งทรัพย์สินจำนวนไม่มาก และลักทรัพย์ในเวลากลางวัน แล้วไม่มียานพาหนะ จะมีโทษจำคุก 3-5 ปี กรณีนี้ผู้บังคับการตำรวจ สามารถใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องได้ แต่กรณีของนายธงหลักฐานครบไม่สามารถเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้
ขณะที่ นายสมหมาย หลงพิมาย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนแดง หมู่ที่5 ต.หนองกะทิง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นนายธง มีภรรยาแต่ไม่มีลูก ต่อมาภรรยาเสียชีวิตและไปได้ภรรยาใหม่ที่ในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน หากถามว่าพฤติกรรมของนายธง เป็นอย่างไรตนขอใช้คำว่า "กลางๆ" มักจะไปแอบตัดไม้ในที่สาธารณะเอามาเผาถ่านขายหลายครั้ง เคยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจำ ส่วนพฤติกรรมหลังจากที่ไปอาศัยอยู่ในตัวเมือง ตนไม่ทราบ
ด้าน นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการจังหวัดได้สั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบเพิ่มเติมตาม ป.วิอาญามาตรา 143 ในข้อเท็จจริงและเหตุจูงใจในการกระทำผิด ซึ่งทำให้ฟ้องไม่ทันกำหนดฝากขัง 4 ผลัด 48 วันได้ ซึ่งส่งผลให้ต้องปล่อยตัวไปก่อน
ทั้งนี้หากการพิจารณาได้ความว่า การกระทำทีที่ทำไปเพราะยากจนแสนเข็ญไม่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อน ก็อาจเข้าข่ายเป็นคดีที่ฟ้องไปไม่เป็นประโยขน์ ซ้ำผู้ต้องหาถูกขังมานานพอแล้วจึงสามารถสั่งไม่ฟ้องก็เป็นไปได้ และเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเท่านั้นที่จะสั่งคดีนี้ตามพรบ.อัยการมาตรา 21
ขณะที่ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผย ตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเห็นว่าเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาขนตามรัฐธรรมนูญ จึงได้มอบหมายให้ ทนายจักรกฤษณ์ ยางนอก ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ ประสานงานไปยังฝ่ายปกครอง อำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ และมอบหมายให้ทนาย วุฒิกาญจน์ กุลสุวรรณ ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ไปประสานศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีถูกคุมขังในคดีโดยยังไม่ได้รับการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวซึ่งได้ความพอสรุปว่า ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และกำหนดให้ต้องมีผู้กำกับดูแลหรือญาติมาทำสัญญาปล่อยตัวด้วย เพราะว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแล้วไม่มาศาลหรือหลบหนีจะต้องชำระเงินจำนวน 75,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาไม่อาจหาผู้กำกับดูแล หรือหาหลักประกันได้ และตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยยื่นประกันตัวอีกจึงถูกขังมาตลอด และทราบว่าพรุ่งนี้ครบฝากขังพอดี
ดังนั้นในวันที่ 12 ก.ค.นี้ จะมอบหมายให้ นายวิทยา วัฒนะ ประธานสภาทนายความจังหวัดนางรอง ไปพบผู้ต้องหาที่เรือนจำเพื่อให้การช่วยเหลือทางกฎหมายและความเป็นอยู่ต่อไป เป็นกรณีที่สภาทนายความสามารถให้ความช่วยเหลือ โดยความปรากฎแก่สภาทนายเองว่า ผู้ต้องหาเป็นคนยากจนด้อยโอกาส ขาดที่ปรึกษากฎหมาย อีกทั้งความผิดเกิดจากความหิวเป็นปัญหาปากท้อง จึงต้องเข้าช่วยเหลือ