
7 มิถุนายน 2567 ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญที่ นายธนากรณ์ หรือ "แซน" อายุ 18 ปี ก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วรัญญา หรือ "หมิง" อายุ 18 ปี แฟนสาวนักศึกษาสถาบันเดียวกัน โดยปาดคอและตัดมือทั้ง 2 ข้าง นำศพไปทิ้งใต้ทางด่วนบางพูน จ.ปทุมธานี โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (6 มิ.ย.) ตำรวจได้ควบคุมตัวนายแซน กลับมาที่ สภ.ปากคลองรังสิต
ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (7 มิ.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ได้คุมตัวนายแซนไปส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดปทุมธานี หลังนายแซนถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ซ่อนเร้นอำพรางศพ , เคลื่อนย้ายศพ และเคลื่อนย้ายศพก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง โดยทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องก่อนขอฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอาจจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจจะกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) ได้
ขณะที่ครอบครัวของนายแซน ได้แก่ พ่อ , แม่ , พี่ชาย และแฟนพี่ชาย ได้เดินทางนำของมาเยี่ยมนายแซน ประกอบไปด้วย เสื้อยืดสีเทา , กางเกงขาสั้นสีดำ , กางเกงใน , น้ำยาบ้วนปาก , ทิชชู่เปียก และผ้าชุบน้ำสำหรับเช็ดตัว ทั้งนี้จากการสังเกตเห็นว่า มีบางจังหวะที่ครอบครัวของนายแซน เข้าเยี่ยมในห้องผู้ต้องขัง แม่ของนายแซนถึงขั้นเข่าทรุดนั่งร้องไห้ จนพ่อนายแซนต้องช่วยกอดปลอบระหว่างการเยี่ยมพูดคุยกับนายแซนในห้องผู้ต้องขัง ทั้งนี้จากการสังเกตภายในห้องผู้ต้องขังพบว่า นายแซนมีสติตื่นจากการนอนและรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่กินได้แบบเลอะเทอะ
โดยตลอดการคุมขังเมื่อคืนวานนี้ ตำรวจได้จัดกำลังตำรวจเฝ้าเวรยามผลัดเวรกันตลอดทั้งคืน บริเวณหน้าห้องผู้ต้องขัง เพื่อเฝ้าจับตาพฤติกรรมของนายแซน และเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้นายแซนทำร้ายตัวเอง เบื้องต้นนายแซนยังสามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่แสดงอาการท่าทีเครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด ส่วนการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาปรากฎว่า ผู้ต้องหายอมที่ให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา บอกว่าเป็นคนลงมือทำ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งตลอดสอบปากคำนายแซนมีอาการสะลึมสะลือตลอดเวลา
นายไพศาลติดตามความคืบหน้าคดี ฆาตกรรมสาวเปลือย
ขณะที่ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาแม่และพี่สาวของ น.ส.หมิง ผู้ตาย เดินทางมายัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อติดตามคดี และขอตรวจสอบมือถือของผู้ตาย หลังญาติฝั่งคนก่อเหตุ ได้ให้ร้ายกับผู้ตายว่า เป็นผู้หญิงไม่ดี เคยทำร้ายร่างกาย นายแซน มาก่อน จึงอยากนำหลักฐานแชท ในมือถือ ออกมายืนยันว่า ผู้ตายเป็นผู้หญิงที่แสนดี และรักแฟนมาก รวมถึงยังช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ โอนเงินให้นายแซนใช้ด้วย
ขณะที่ล่าสุด มีบุคคลที่แอบอ้าง โพสต์ทางเฟซบุ๊ก ลักษณะ ขอเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือญาติผู้ตายนำส่งศพ และจัดงานศพที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งในส่วนนี้ญาติยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง อย่าหลงเชื่อและโอนเงินไป เนื่องจากครอบครัวไม่รู้เรื่องและเงินจะไม่ถึงครอบครัวอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องสาเหตุการตายนั้น ตอนนี้ญาติยังคงติดใจ เนื่องจากมีบางเพจ ระบุสาเหตุการตายของผู้ตายว่า ถูกฆ่าอย่างทารุณ มีการสำลักเลือด มีเลือดในปอด จึงมองว่า ผู้ตายตายอย่างทรมาน น่าจะถูกแจ้งข้อหาที่หนักกว่านี้ ข้อหา ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โทษต้องประหารชีวิตเท่านั้น โดยในวันนี้ทางครอบครัวจะต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับตำรวจว่า เมื่อวานนี้ที่มีตำรวจเจ้าของคดีโทรศัพท์ไปหาญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ แต่ได้มีการยื่นโทรศัพท์ให้กับตำรวจอีกนายพูดคุย ซึ่งทางญาติ ได้แจ้งว่า “แม่อยู่ระหว่างออกรายการ ยังเสียใจ และยังเหนื่อยอยู่ รวมถึงอยู่ระหว่างการปรึกษาทนายความ” จึงขอเลื่อนการเข้าพบเป็นวันนี้แทน แต่นายตำรวจท่านนั้น กลับพูดว่า “ทำไมไม่มาวันนี้ ทำไมต้องปรึกษาทนาย ไม่มีสมองหรือไง” ซึ่งคำพูดดังกล่าวกระทบจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตมาก
นอกจากนี้ยังมีประเด็น ที่มีบุคคลพยายามติดต่อมาเพื่อไกล่เกลี่ย โดยจะจ่ายเงินให้ จำนวน 50,000 บาท ซึ่ง ส่วนตัวมองว่า คดีนี้ไม่สามารถไกล่เกลี่ยยอมความได้ ลูกสาวของเขาตายทั้งคน จะจ่ายแค่ 50,000 บาทได้อย่างไร รวมถึงการอ้างว่าป่วยจิตนั้น จะต้องดูรายละเอียด การรักษาของนายแซน รวมถึงการใช้ชีวิตของเขาว่า สามารถใช้ชีวิตได้ปกติหรือไม่ ถ้าหากไม่ถึงกับไม่มีสติรู้ตัว ก็ต้องรับโทษเท่ากับคนปกติ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เห็นอาการของนายแซนที่ยังคง สะลืมสะลือ เดินไม่ได้ ต้องให้ตำรวจช่วยกันหาเพื่อไปฝากขังนั้น แล้วรู้สึกอย่างไร ทางพี่สาวของผู้ตาย บอกว่า ตนเห็นแล้วแต่ไม่มีอะไรจะพูด ส่วนที่พ่อแม่ของนายแซนพยายามขอโทษครอบครัวของตนในวันนี้นั้น ยืนยันว่าไม่ยอมรับคำขอโทษ และไม่อโหสิกรรมให้ เนื่องจากครั้งแรกที่พบกัน แทนที่เขาจะเข้ามาขอโทษด้วยความจริงใจ แต่เขากลับพูดว่า เขาไม่อยากพูดอะไร ทั้งนั้น ขนาดน้องน้องสาวของตนยังไม่พูดอะไรเลย ซึ่งเมื่อตนฟังแล้วก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่สำนึก ซึ่งน้องสาวของตนพูดไม่ได้จริง ๆ เพราะน้องตายแล้ว
ตำรวจเผยผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือแต่จำนนด้วยหลักฐาน
ภายหลังการร่วมหารือกัน พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต ทีมสอบสวน ทนายความ และญาติผู้เสียชีวิต นานกว่า 20 นาที พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต เปิดเผยว่า ข้อมือทั้งสองข้างของผู้เสียชีวิต เป็นเหมือนการเยียวยาจิตใจของครอบครัว แม้จะไม่มีผลทางคดี แต่เป็นผลทางจิตใจของครอบครัว จึงได้สั่งการให้หาให้เจอ เพื่อให้ผู้ตายหากเกิดในภพไหนก็แล้วแต่ ให้อวัยวะครบทุกส่วน จะได้ไปเกิดในที่ทางที่ดี ๆ
ด้าน พ.ต.ท.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต กล่าวว่า ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาไม่ยอมให้การ ส่วนในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การกับตำรวจ และรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำหรือไม่ นายแซน ทำเป็นไม่รู้มากกว่า โดยระหว่างสอบสวนได้มีแม่มานั่งอยู่ด้วยตลอดเวลา นายแซน จะเป็นลักษณะรู้สติบ้างไม่รู้สติบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งจากการสอบสวนยังไม่ยอมบอกรายละเอียดของพฤติการณ์ เพียงแต่ยอมรับว่า เป็นผู้ลงมือฆาตกรรม
ส่วนสาเหตุที่ของการลงมือ และวิธีการลงมือฆาตกรรม นายแซน ได้แค่พยักหน้าและบอกกับตำรวจ ด้วยการชี้ภาพหลักฐานที่ตำรวจมี แต่ไม่ขอลงรายละเอียด เนื่องจากว่าจะส่งผลกับรูปคดีและสงสารผู้ตาย
พ.ต.ท.เนติ ระบุว่า คดีนี้ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย หลักฐานทุกอย่างเกิดขึ้นจากที่ตำรวจหาเอง แม้เขาจะให้การหรือแกล้งหลับตลอดเวลา ก็ไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะหลักฐานทุกอย่างมัดตัว ส่วนการหิ้วตัว นายแซน จากโรงพยาบาลมาที่โรงพักนั้น ทุกขั้นตอนเป็นไปตามผลของแพทย์ที่วินิจฉัยว่า สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งตำรวจได้ถ่ายวีดีโอไว้ทุกขั้นตอน ส่วนเรื่องการประกันตัวนายแซน นั้น มีรายงานว่าครอบครัวไม่กล้ายื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน
ด้าน ทนายไพศาล ระบุว่า ขอบคุณตำรวจที่ช่วยดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการค้นหามือทั้งสองข้างของ น.ส.หมิง ที่ในทางคดีไม่จำเป็นต้องเจอแล้วก็ได้ แต่เพื่อเป็นการเยียวยาจิตใจครอบครัว ในการหามือ ก็ทำเพื่อครอบครัว เชื่อว่ามุกแกล้งบ้าไม่สามารถใช้ได้ การป่วยทางจิตดูเหมือนเป็นฉากเป็นตอน หลังจากนี้หากผลการชันสูตรพบว่า มีการฆ่าโดยทรมานจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ตามมามาตรา 289(5) ส่วนการที่นายแซน ยอมเปิดปากสารภาพแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ขณะผู้ที่มีฉวยผลประโยชน์ในคดีนี้ แอบอ้างเปิดรับบริจาค จะลงบันทึกประจำวัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป