
17 พฤษภาคม 2567 กรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.ก้างไกล กล่าวถึงการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งก่อนหน้านี้อดอาหารประท้วง เสียชีวิตระหว่างคุมตัวในเรือนจำ ให้บทเรียนเกี่ยวกับสิทธิการประกันตัว ที่ไม่ควรมีเงื่อนไขถอนประกันจากการกระทำผิดซ้ำ เพราะคดีความที่เกิดขึ้นยังไม่ถูกพิพากษาว่าผิด
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ในเรื่องนี้เเหล่งระดับสูงในศาลยุติธรรม ได้อธิบายประเด็นนี้ว่า เงื่อนไขการประกันตัว ห้ามกระทำตามที่ถูกฟ้องอีกเป็นมาตรการไม่ให้จำเลยกระทำผิด ซ้ำอีกเรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไปที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาเเละมีหลักฐานเบื้องต้นว่ากระทำผิดจะไปก่อปัญหาให้กับสังคมอีก เป็นการคุ้มครองสังคม
เราลองไม่คิดถึงเคสของน.ส.เนติพร หรือบุ้ง ที่เสียชีวิตไป เเต่ถ้าลองเป็นเคสทำร้ายร่างกาย เมื่อถูกควบคุมตัวเเละยื่นประกัน หากศาลพิจารณาให้ประกัน ศาลก็จะต้องมีเงื่อนไข เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการขึ้นอีก เช่นจำเลยคนนี้มีลักษณะที่จะไปทะเลาะวิวาทตีหัวคนอื่นทุกครั้งถ้าปล่อยโดยไม่มีเงื่อนไข 10 ครั้ง เราก็ต้องรอให้เขากระทำผิดซ้ำเเละเป็นคดีมาที่ศาล 10 ครั้งเลยหรือไม่ เงื่อนไขห้ามกระทำผิดซ้ำมันเป็นเงื่อนไขที่เป็นปกติธรรมดา เพราะถ้าไม่เอามาใช้ตรงนี้ก็จะต้องปล่อยทุกครั้ง
ส่วนที่ถามว่า กรณีการเเสดงความเห็นทางการเมืองควรจะมีการกำหนดการปล่อยชั่วคราวที่เเตกต่างจากคดีอาชญกรรมทั่วไปได้หรือไม่นั้น ต้องบอกว่า เรื่องการปล่อยชั่วคราวนั้น กฎหมายจะมาเเยกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องอาชญกรรมไม่ได้ มันต้องมีเกณฑ์ จะเเยกออกเป็นเฉพาะเรื่องเฉพาะราวไม่ได้
เเต่มันก็มีเช่นในกรณีที่ศาลเห็นว่า สามารถปล่อยได้ โดยมองว่าปล่อยเเล้วคนๆนี้ไม่มีเเนวโน้มจะไปก่อเหตุอีก ศาลก็สามารถปล่อยโดยไม่ต้องกำหนดเงื่อนไขก็ได้ ถ้ามองว่าปล่อยเเล้วไม่กระทบ เช่น คดีขับรถประมาทฯชนคนตาย ซึ่งมีอัตราโทษสูงเช่นกัน ศาลก็ปล่อยไม่มีเงื่อนไข เพราะมองว่ามันเป็นเรื่องประมาท ศาลก็ไม่ต้องการควบคุมตัวไว้เรื่องนี้มันเป็นเกณฑ์ ไม่ได้ทุกคดีต้องปล่อยหมดโดยไม่มีเงื่อนไข อย่างเเข่งขันรถซิ่งตามท้องถนนที่เกิดปัญหาสังคม หรือคดีอุกฉกรรจ์ต่างๆ เช่น ฆ่าคนตาย คดีเเบบนี้ศาลก็ยังไม่มีคำพิพากษาศาลก็ยังควบคุมเขาได้ตรงนี้เป็นเรื่องปกติที่คล้ายๆกัน เเต่ถ้าเป็นเรื่องหมิ่นประมาทฯศาลเองก็ยังไม่อยากควบคุมก็สามารถปล่อยไม่มีเงื่อนไขได้
ต้องรู้ว่า การที่ศาลออกเงื่อนไขห้ามกระทำซ้ำตามที่ถูกฟ้องเพราะเห็นว่าน่าจะมีการกระทำผิด การออกเงื่อนไขเช่นนี้จึงเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไปไม่ใช่กรณีพิเศษ เเต่ถ้าถามว่าจะเป็นเรื่องกรณีพิเศษได้หรือไม่ ตรงนั้นเป็นอำนาจของศาลนั้นๆ ที่ศาลจะต้องประชุมกันเพื่อเป็นเเนวทางกันก่อน เนื่องจากเพราะการสั่งประกันเป็นดุลพินิจของเเต่ละท่านจะไม่มีใครไปสั่งการได้ จึงต้องประชุมกันเพื่อวางเเนวทางกันก่อนไว้เพื่อใช้ปฏิบัติ
เเหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เรื่องนี้มาจากมาตรการการป้องกันความผิดซ้ำ ปกติถ้าพูดถึงอาชญากรรม เราถือเป็นเรื่องภาพรวมไม่ได้เจาะจงฐานความผิดใดความผิดฐานหนึ่ง ปัจจุบันมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องกระทำความผิดซ้ำ เป็นมาตรฐานอยู่เเล้ว เพราะประเทศเรามีคดีอาชญากรรมเพิ่มเติมขึ้น ซึ่งคนที่กระทำความผิดสมควรที่จะต้องโดนควบคุมตัวอยู่เเล้ว ต้องดูขั้นตอนว่าเมื่อคุณกระทำความผิด มันมีขั้นตอนเเจ้งข้อหาซึ่งเป็นเรื่องปกติ เเม้จะไม่ใช่ความผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ เเต่เมื่อตกเป็นผู้ต้องหาเเล้วสิทธิที่จะขาดไปคือมีเรื่องใดบ้าง
เเม้รัฐธรรมนูญจะบอกทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ เเต่มันต้องเป็นไปภายใต้การไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งพอละเมิดเเล้วจะต้องมีเรื่องการควบคุมเข้ามา ก็จะต้องดูว่าเป็นกรณีร้ายเเรงที่จะให้ประกันตัว หรือไม่ให้ประกันตัว ยกตัวอย่างคดียาเสพติดจำนวนมาก เเละคนครอบครองเป็นต่างด้าว หากเราให้ประกันไปก็จะเกิดความเสียหายตามมาอย่างร้ายเเรง
เรื่องนี้เราจึงต้องมองว่าผู้ต้องหาที่เข้ามาในระบบเป็นผู้กระทำความผิดเ เละมองว่าผู้ต้องหานั้นมีสิทธิอะไรบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่จะโดนควบคุมตัวถูกฝากขังเเละเรื่องการประกันตัว ตรงนี้กฎหมายให้อำนาจเด็ดขาดว่าเป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งโดยหลักศาลมีมาตรฐาน อย่างถ้าผู้ต้องหาคดีร้ายเเรงเป็นคนต่างด้าว เเม้กฎหมายจะให้ดุลพินิจศาลว่าให้ประกันได้ เเต่ลองคิดดูถ้าศาลให้เเล้วเกิดเสียหาย ศาลเองก็อาจจะโดนมาตรา 157 ก็ได้
ลองคิดดูในเรื่องที่ว่าหากมีการกระทำความผิดซ้ำ เกิดปั่นป่วน สร้างความเดือดร้อนเเละทำให้ยากต่อการนำตัวเข้ามา หรือผู้ต้องหาเมื่อได้ประกันมีการป่าวประกาศระดมพล เรียกกระเเสเพื่อให้ปั่นป่วนในกระบวนการยุติธรรม เเละเมื่อกระทำความผิดครั้งที่สองจึงต้องมีมาตราการในการให้หรือไม่ให้ประกัน ไม่เช่นนั้นเมื่อทุกคนเพิกเฉยต่ออำนาจของศาล
"ในการประกันตัวเพื่อให้อยู่ในกฎระเบียบเเล้ว หากไม่สามารถเพิกถอนการให้ประกันตัวได้ จะทำให้มาตรการควบคุมผู้กระทำผิดไม่สามารถดำเนินการได้เลย เพราะยังมีขั้นตอนสืบพยานอีกนานกว่าศาลจะตัดสิน ถ้าบอกว่าทุกคนมีสิทธิประกันตัวได้เลยมันไม่ใช่"
เคสการเสียชีวิตนี้ ต้องดูว่าปัจจัยมาจากไม่ได้ประกันตัวร้อยเปอร์เซนต์ หรือตัวจำเลยที่ถูกต้องขังด้วย เพราะการไม่ให้ประกันตัว ไม่ใช่ถูกนำไปขังในเรือนจำเเล้วถูกทรมาน ขาดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกอดข้าวอดน้ำเเละไม่ให้การรักษาพยาบาล ผู้ต้องหาไม่ได้ตายจากการติดคุก ต้องดูปัจจัยที่เสียชีวิตว่า จากการกระทำของเจ้าหน้าที่ในขณะควบคุมตัวโดยใช้วิธีทำให้ตายให้อดข้าวอดน้ำ อันนี้ถ้าพบจึงจะเป็นความผิด
เเต่ถ้าเจ้าหน้าที่ดูเเลตามสิทธิขั้นพื้นฐานเเล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ผิด ตรงนี้เป็นเส้นทางเลือกของจำเลยเองหรือไม่ ลองคิดว่า ถ้ามีกรณีอดข้าวอดน้ำ เพื่อเรียกสิทธิการประกันตัวทุกเคส คดีใหญ่ๆอย่างคดีวางเพลิง คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ศาลก็จะต้องปล่อยตัวจำเลยมาเเละเกิดการกระทำผิดซ้ำหรือไม่ ทุกอย่างจึงต้องมีมาตรการ
ส่วนที่อ้างว่าเป็นการเเสดงความเห็นทางการเมืองไม่ได้เป็นอาชญกรรมร้ายเเรงนั้น มองว่า พฤติการณ์ของคนที่เเสดงความเห็นทางเมืองไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการนักกฎหมายก็มีความเห็นทางการเมืองหลากหลายเเตกต่างกัน เเต่บางครั้งมีการปลุกระดมจัดเตรียมคน
บางครั้งต้องยอมรับว่าความเห็นทางการเมือง เมื่อเป็นคดีก็ต้องดูพฤติการณ์ที่เเสดงออก เพราะถ้าเวลาถูกจับเข้าไปเเละได้ออกมาเเละก็มีการระดมคนขึ้นทุกครั้งกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ เเละเกิดความเสียหาย เราต้องดูด้วยว่าที่อ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพการเเต่เเสดงความเห็นยังไม่ได้ผ่านการยอมรับเป็นกฎหมายเเต่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว เเละระดมคนถ้าไม่ให้มีดุลพินิจเรื่องนี้เเล้วปล่อยประกันไปมันก็เกิดเสียหาย
ที่อ้างว่าเป็นคดีการเมืองการประกันตัวจึงควรจำเป็นต้องมีเงื่อนไขต่างจากคดีอื่นทั่วๆไป เเละที่บอกว่าศาลยังไม่ชี้ให้ผิดเพราะยังไม่มีคำพิพากษานั้น ก็ต้องถามกลับว่าทำไมคดีเหล่านี้จึงต้องเเตกต่างจากคดีอื่น เเล้วผู้ต้องหาคนอื่นที่เเม้ภายหลังศาลจะยกฟ้องเขาก็ต้องถูกควบคุมตัวเหมือนกัน ถ้าอ้างว่าศาลต้องปล่อยเเล้วคดีมือปืนหรือคดีค้ายาก็ต้องจำเป็นต้องปล่อยด้วย เเล้วระบบยุติธรรมจะพังหรือไม่ ซึ่งมันทำไม่ได้เพราะกฎหมายต้องเท่าเทียมกัน