เปิดบทลงโทษวินัยร้ายแรง ตำรวจยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ยังรับราชการต่อได้หรือไม่?

จากกรณี ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เข้าตรวจสอบ "ร.ต.อ." ตำแหน่ง รอง สวป. รายหนึ่งในสังกัด มีอาการคล้ายคนเสพยาเสพติด ที่ห้องพักในพื้นที่  อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตรวจค้นภายในห้องเจอยาบ้า 3 เม็ด ทดสอบปัสสาวะหาสารเสพติด เบื้องต้นมีผลบวก

โดยเจ้าตัวรับว่า เสพยาเสพติดจริง และสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด ขณะที่ผู้การฯ โคราช สั่งดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยระบุว่า ตำรวจที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีโทษมากกว่าคนปกติ

ผู้สื่อข่าวทำการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานการลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง (ก.ตร.) ระบุความผิดกรณีตำรวจที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีรายละเอียด ดังนี้
 

เกี่ยวกับการเสพหรือติดยาเสพติด กรณีได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545

ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นที่พอใจของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

• กรณีผู้บังคับบัญชาสุ่มตรวจร่างกายและผลตรวจพบสารเสพติด - มีโทษปลดออก
• กรณีผูู้บังคับบัญชาสืบสวนพบ หรือตรวจพบว่ากระทําความผิดฐานเสพยาเสพติด - มีโทษไล่ออก

ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เป็นที่พอใจของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

• กรณีผู้บังคับบัญชาสุ่มตรวจร่างกายและผลตรวจพบสารเสพติด - มีโทษไล่ออก
• กรณีผูู้บังคับบัญชาสืบสวนพบ หรือตรวจพบว่ากระทําความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือเสพและจำหน่ายยาเสพติด หรือถูกจับกุมตามข้อหาดังกล่าว - มีโทษไล่ออก

กรณีไม่ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545

• เสพหรือติดยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย หรือเสพและจําหน่ายยาเสพติด - มีโทษไล่ออก
• มีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พ.ศ. 2542 - มีโทษปลดออกหรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี

อ้างอิง : มาตรฐานการลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง (ก.ตร.) อ่านฉบับเต็ม (คลิก)