svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"เฮียเก้า" ประสานมอบตัวดีเอสไอ 22 ม.ค. นี้ หลังถูกออกหมายจับ "คดีตีนไก่เถื่อน"

21 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เฮียเก้า" คู่หู "เฮียเกียรติ" เตรียมเดินทางกลับไทย พร้อมประสานเข้ามอบตัวดีเอสไอ บ่ายวันจันทร์ 22 ม.ค. นี้ หลังถูกออกหมายจับ "คดีตีนไก่สวมสิทธิ" ส่งขายต่างประเทศ

ความคืบหน้าคดีคดีพิเศษที่ 126/2566 ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์สัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว จำนวน 2,388 ตู้ และคดีพิเศษที่ 127/2566 ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้

โดยดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาออกหมายจับ 5 บุคคล ประกอบด้วย

  • นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า
  • นายหยาง ยา ซุง
  • นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์
  • น.ส.นวพร เชาว์วัย
  • นายสมเกียรติ กอไพศาล
     

ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, อั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ก่อนมีการเข้ามอบตัวแล้ว 3 ราย เหลือเพียงเฮียเก้าและบุตรชายที่อยู่ต่างประเทศ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

21 มกราคม 2567 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนได้รับการประสานจากทนายความของนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ "เฮียเก้า" ว่า ในวันจันทร์ที่ 22 มกราคม เวลา 13.50 น. เฮียเก้าจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ลงเครื่องที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเข้ามอบตัวตามที่มีหมายจับของศาลอาญากับดีเอสไอในคดีพิเศษที่ 127/2566 หรือ "คดีตีนไก่สวมสิทธิ"

สำหรับขั้นตอนการรับตัวเฮียเก้าที่สนามบิน จะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยฯ จากนั้นเมื่อรับตัวเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำตัวเฮียเก้ามาทำบันทึกจับกุมที่ชั้น 7 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนนำส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิที่ผู้ต้องหาพึงได้รับ

ในการสอบปากคำเบื้องต้น พนักงานสอบสวนอาจสอบถามข้อมูลส่วนตัว และพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหมายจับ เช่น การประกอบธุรกิจส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายต่างประเทศ เป็นมาอย่างไร ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ หุ้นส่วนทางการค้า บริษัทชิปปิ้งเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับจากการสอบปากคำไปใช้ในการขยายผลต่อไป

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยอีกว่า การทำธุรกิจขายส่งตีนไก่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศของเฮียเก้า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าเดิมทีแรก ห้วงปี พ.ศ. 2564 - 2565 เฮียเก้าทำร่วมกับสองสามีภรรยา นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องหาที่ดีเอสไอจับกุมแล้ว โดยมีนักธุรกิจอีก 1 รายที่รับหน้าที่เป็นตัวกลางคอยประสานทางการค้าระหว่างเฮียเก้าและสองสามีภรรยา แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็กลายเป็นคู่แข่งทางการค้ากัน ไม่ได้ทำร่วมกันอีก ต่างคนต่างดำเนินธุรกิจของตัวเอง

นอกจากนี้ เมื่อคณะพนักงานสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง พบว่าในส่วนของบริษัทเอกชนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเฮียเก้า เบื้องต้นมีจำนวน 10 บริษัท โดยเป็นบริษัทที่อยู่ในนามของคนใกล้ชิดเฮียเก้า ส่วนเรื่องรายการครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ในประเทศไทยของเฮียเก้า ดีเอสไอได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการตรวจสอบคู่ขนานไปกับคดีทางอาญา

ส่วนกรณีการเข้ามอบตัวของนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า ในวันสอบปากคำเจ้าตัวไม่ได้ให้การมากเท่าที่ควร โดยใช้เวลาตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 20.00 น. ทั้งยังพบว่าบางครั้งนายสมเกียรติมีอาการเครียด เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนได้ตั้งคำถามไว้หลายประเด็น แต่นายสมเกียรติไม่ได้ตอบคำถาม อีกทั้งยังให้การปฏิเสธในทุกข้อหาและประสงค์ขอส่งเป็นเอกสารชี้แจงแทน  ทั้งนี้ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ คณะพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้นายสมเกียรติเข้ารายงานตัว

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดีเอสไอได้ประสานข้อมูลในเรื่องของการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้า ณ ท่าเรือต่างๆ ผ่านตู้คอนเทเนอร์ทำความเย็น หรือตู้ติดแอร์ เพื่อตรวจสอบกิจกรรมการนำเข้า-ส่งออกสินค้าในช่วงปีที่เกี่ยวข้องกับคดีของดีเอสไอว่ามีบุคคลและนิติบุคคลรายใดบ้าง โดยในช่วงสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจากการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนอย่างเข้มข้น คำให้การของพยานปากสำคัญ และผลสอบปากคำของผู้ต้องหาทั้งหมด จะนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายขนาดใหญ่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การติดต่อเข้ามอบตัวของเฮียเก้า สืบเนื่องมาจากผลปฏิบัติการของคณะพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเป็นการเข้าตรวจค้นบริษัทของเฮียเก้า ย่านแสมดำ ผลการตรวจค้น พบเพียงภรรยาของเฮียเก้าอยู่ภายในอาคาร และพบพยานเอกสารสำคัญบางส่วน รวมถึงพยานวัตถุ

ซึ่งในวันดังกล่าวภรรยาได้แจ้งพนักงานสอบสวนว่า เฮียเก้าได้เดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2566 และยืนยันว่า จะประสานให้เฮียเก้าเดินทางกลับไทยเพื่อเข้าพบดีเอสไอ

logoline