รวบวินจยย. ลอบงัดห้องผู้โดยสาร กวาดทรัพย์ 2 แสน หาเงินเล่นพนันออนไลน์

29 ตุลาคม 2566 ที่สถานีตำรวจนครบาลบางบอน(สน.บางบอน) พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9, พ.ต.อ.นรินท์โชติ พงศ์พิธานนท์ ผกก.สน.บางบอน พร้อมฝ่ายสืบสวน ร่วมจับกุมนายวิชัย หรือแบงค์ หรือเอกชัย สมศรี อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาได้ที่ห้องเช่า ซ.เอกชัย 79 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กรุงเทพฯ หมวกนิรภัย สีดำ นาฬิกาข้อมือ คาซิโอ 1 เรือน สร้อยคอห้อยพระ สายร่ม พระหลวงพ่อคูณเลี่ยมทอง 1 องค์ (ได้จากการประทุษร้าย) และเงินสดอีก จำนวน 30,000 บาท

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเย็น วันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา ห้องพักของเหยื่อภายในซอยเอกชัย 95/1 ถูกรื้อค้น มีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ อาทิ สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระ หลวงพ่อคูณ รุ่นเมตตามหานิยม เลี่ยมทองคำ 1 องค์, แหวนทองคำหนักวงละ 1 สลึง จำนวน 3 องค์ และพระเครื่องเลี่ยมทองคำอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 แสนบาท 

จากการสืบสวนของ สน.บางบอน ทราบว่า คนร้ายเป็นชายไทยอายุประมาณ 40 กว่าปี สวมเสื้อแจ็กเก็ตโลโก้บริษัทแห่งหนึ่ง สวมหมวกกันน็อคปิดบังอำพรางตัว ขับขี่จักรยานยนต์ สีน้ำเงินขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไปตาม ถ.เอกชัย ขาเข้า มาหลบจอดบังเสาสะพานลอยปากซอย เอกชัย 78 แล้วเอาป้ายทะเบียนรถที่เตรียมมา ติดจักรยานยนต์คันที่ขับขี่หลบหนี และถอดเสื้อแจ็กเก็ตทิ้งบริเวณดังกล่าว แล้วขับขี่หลบหนีไปเลี้ยวเข้า ซ.เอกชัย 79 



ตำรวจ สน.บางบอน  จึงจัดกำลังซุ่มโป่งรอให้คนร้ายปรากฎตัว เป็นเวลานานประมาณ 1 สัปดาห์ จนกระทั่งวันที่ 28 ต.ค. เจ้าหน้าที่พบ ชายคนหนึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับลักษณะคนร้าย จึงเข้าจับกุมตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก

นายเอกชัย ให้การระบุ ขับขี่จักรยานยนต์จากห้องเช่า ไปที่หอพัก งัดประตูห้องเข้าไปขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริง โดยได้นำสร้อยทองคำและแหวนทองคำไปขายที่ร้านทอง ในย่านบางบอน และพระเครื่องเลี่ยมทอง นำไปขายให้กับเซียนพระคนหนึ่ง 

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา "คดีลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ" เตรียมการสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามสร้อยทองคำ แหวนทองคำ และจะติดตามหาตัวเซียนพระ ที่รับซื้อพระเครื่องเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไว้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหารับของโจรต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.ศุภกร กันทาลักษณ์ รอง ผกก.สส.สน.บางบอน กล่าวว่านายเอกชัย เป็นวินจยย.รับจ้าง ย่านบางบอน 1 ซึ่งให้บริการให้ผู้เสียหายบ่อยครั้ง ทำให้เห็นว่าที่คอใส่ทอง จึงเฝ้าติดตามพูดคุย จนทราบว่าผู้เสียหายพักที่ใด จึงเข้าไปก่อเหตุ โดยอ้างว่าหาเงินไปเล่นพนันออนไลน์