
1 กันยายน 2566 ความคืบหน้ากรณี ตำรวจ ปอท. จับกุม น.ส.จักรีณา หรือ กีกี้ แม็กซิม อายุ 28 ปี พร้อมพวกรวม 8 คน ผู้ต้องหาแก๊งจีนเทา Hybrid Scam หลอกลงทุน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมยึดบ้าน - รถหรู เกือบพันล้านบาท โดยวันนี้ (1 ก.ย.) ตำรวจ ปอท. คุมได้ตัว “กีกี้ แม็กซิม” พร้อมพวกแก๊งจีนเทา Hybrid Scam ส่งศาลอาญา ฝากขังผัดแรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เบื้องต้น ผู้ต้องหายังคงยืนกรานปฏิเสธ ขณะที่ตำรวจยันไม่หนักใจ มั่นใจในหลักฐาน ผู้ต้องหาบางรายให้การเป็นประโยชน์ แม้จะปฏิเสธก็ตาม พร้อมเร่งขยายผลติดตัวอีก 5 คน หนึ่งในนั้นหัวหน้าชาวจีน ที่กบดานอยู่ต่างประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาประกอบด้วย
1.น.ส. สุภาวินี เพ็ชร์เอี่ยม อายุ 32 ปี
2.น.ส.ภัสรา เหล่าเกษกรรม อายุ 26 ปี
3.นายณัฐฐินันท์ เภาชิต อายุ 30 ปี
4.น.ส.จักรีณา ชูขาวศรี หรือกีกี้ แม็กซิม อายุ 28 ปี
5.น.ส.อัจฉรา เหล่าเกษกรรม อายุ 28 ปี
6.น.ส.ศิริวรรณ สุทธิวรรณา อายุ 29 ปี 8
7.น.ส.เบียน ฉี อายุ 40 ปี สัญชาติจีน
8.น.ส.สุมาลี แซ่พุ่ง อายุ 34 ปี 8 คน
เป็นผู้ต้องหาที่ 1-8 ตามลำดับ มาฝากขังครั้งแรก
เปิดพฤติกรรมก่อเหตุโดยละเอียด Hybrid Scam แก๊ง "กีกี้ แม็กซิม"
พร้อมแจ้งพฤติกรรมทางคดี สรุป คือ ประมาณเดือน เม.ย. 65 นายไพทูร ไพศาลสุขวิทยา ผู้กล่าวหา ได้รับข้อความทัก จากผู้ต้องหากับพวก โดยใช้บัญชีเฟซบุ๊คที่ชื่อว่า “เพชรไพริน อมาตยกุล” และมีการส่งข้อความมาพูดคุยกับผู้กล่าวหา
มีการแสดงตนเพื่อให้ผู้กล่าวหาเข้าใจว่า คือ น.ส.เพชรไพริน อมาตยกุล โดยมีการเรียกแทนตัวเองว่า “ริน” และมีการส่งข้อความมา พูดคุยและชักชวน ให้ผู้กล่าวหาลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น “Cboe Global Markets” เป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อ จึงได้ทำตามขั้นตอน และโอนเงินไปลงทุนดังกล่าว จำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 12,900,000บาท
ต่อมา จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มของผู้ต้องหา ได้มีการร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะ แบ่งหน้าที่กันทำ คือ ผู้ต้องหาที่ 1 - 5 และผู้ต้องหาที่ 8 มีหน้าที่ในการสมัคร เปิดบัญชีกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อรับโอนเงินสกุล USDT และมีหน้าที่สมัครเปิดบัญชี ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อรับโอนเงินที่ผู้กล่าวหา ถูกหลอกลวงให้โอนไปให้
หลังจากนั้น ผู้ต้องหากับพวก มีการใช้บัญชีกระเป๋า ดิจิทัลต่างๆ มีการโอนเหรียญสกุล USDT ต่อกันไปเป็นทอด ๆ เพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด และมีการนำเหรียญสกุล USDT มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาท เพื่อมีการโอนเงินบาท เข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย และเงินสกุลกับของประเทศลาว เพื่อโอนเงินสกุลกีบเข้าบัญชี ธนาคารพาณิชย์ของประเทศลาว
โดยพบว่า MR.Xu Qi (สัญชาติจีน) เป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยเป็นผู้รวบรวมเงิน ตามเส้นทางการเงิน ที่ผู้กล่าวหา ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปให้ หลังจากนั้น MR.Xu Qi (สัญชาติจีน) ได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี MR.Xu Qi โอนเงินต่อไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บมจ.แห่งหนึ่ง จำนวน 2,000,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจาก บริษัท ซาฮีร่า จํากัด โดยมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในขณะนั้น คือ น.ส.ศิริวรรณ สุทธิวรรณา ผู้ต้องหาที่ 6 พบว่า มีการลงนามในการซื้อขายบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทำให้ บริษัท ซาฮีร่า จำกัด เป็นผู้รับผลประโยชน์ดังกล่าว และรับโอนกรรมสิทธิ์ ในบ้านและมีการจดทะเบียนบริษัท ในใบอนุญาตวิชาชีพบัญชี ในนามของ บริษัท ฮานติ้ง เฟริร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
โดย น.ส.เบียน ฉี ( MISS BIAN OI) ผู้ต้องหาที่ 7 ซึ่งมีเจตนาจัดตั้งบริษัท เพื่อโอน รับโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด พนักงานสอบสวน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ
พนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 - 5 , 8 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 341 , 342 , 343 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(1) (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2560) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 , 25 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5 , 6 , 9 , 60
การกระทำของผู้ต้องหาที่ 6 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 , 25 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5 , 6 , 9 , 60 , 61
การกระทำของผู้ต้องหาที่ 7 เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดย การตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ก่อนหรือขณะ กระทำความผิด หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการกระทำความผิดฐานฟอกเงินอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , พ.ร.บ. ป้องกันและ ปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 , 25 พ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการฟองเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(3) มาตรา 5 , 6 , 7 , 9 , 60 , 61 ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1 - 8 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พนักงานสอบสวน ยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 30 ปาก รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษ ของผู้ต้องหาที่ 1 - 8 จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 ก.ย. 66
ท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหาที่ 1 - 8 ขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และเป็นคดีเกิดนอกราชอาณาจักร หากผู้ต้องหาที่ 1 - 8 ได้รับการปล่อยตัว เกรงว่าจะหลบหนี และยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง
ต่อมาญาติและทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ของผู้ต้องหา 7 คน ขอปล่อยชั่วคราว ยกเว้น น.ส.จักรีณา ชูขาวศรี หรือ กีกี้ แม็กซิม ที่ไม่ยื่นขอประกันตัว
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน การประกันหากปล่อยชั่วคราวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป