
16 สิงหาคม 2566 กลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. เพื่อแจ้งความเอาผิด น.ส.รักชนก(สงวนนามสกุล) ท้าวแชร์ “บ้านตังเม บาร์บี้เกิ้ล สุพรรณบุรี”ที่ล้มวงแชร์กว่า 200 วง เชิดเงินหนีกว่า 100 ล้านบาท
โดย น.ส.เปิ้ล (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี แม่ค้าออนไลน์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายที่รวมตัวมาร้อง ตำรวจกองบังคับการปราบปราม วันนี้มีมาจากหลายจังหวัดทั้งสุพรรณบุรี อ่างทอง ราชบุรี ที่มาไม่ได้ยังมีอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการล้มวงแชร์ของ น.ส.รักชนก ท้าวแชร์ บ้านตังเม บาร์บี้เกิ้ล คนนี้
ซึ่งมีการตั้งวงแชร์เปิดเล่นมานานกว่า 4 ปี ชักชวนคนในจังหวัดสุพรรณบุรี และใกล้เคียง ก่อนจะเปิดวงแชร์ทางเฟซบุ๊ก เป็นแชร์รายวัน รายสัปดาห์ ราย 10 วัน ราย 15 วัน รายเดือน มีหลายวง เช่น วงไทย-เดนมาร์ก / วงแซนวิช วงเรนโบว์ / วงซาลาเปา / วงมากะลอง / วงบีเคเค และอื่นๆ อีกหลายวง เล่นวงเงินตั้งแต่หลักหมื่น ถึง หลักล้านบาท มีคนเล่นจำนวนมากกว่า 200 คน จำนวนกว่า 200 วง
ขณะที่ปกติเขาจะรับโอนเงินผ่านบัญชีของเจ้าตัวเองกับพ่อ จะจ่ายเงินตามปกติมาตลอดทุกวัน แต่เมื่อคืนวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา กลับไม่โอนจ่ายเงิน พอวันที่ 9 ส.ค. ก็หยุดการโอนเงินให้ลูกแชร์ทั้งหมด แต่ยังเปิดรับวงแชร์ใหม่อีก ไม่ออกมาพูดอะไร ไม่มีใครติดต่อได้
หลังจากที่มีการประกาศล้มวงแชร์ เจ้าตัวได้เสนอลูกแชร์ว่า จะชดใช้ให้จำนวน 10 % ของยอดเงินที่ลูกแชร์จ่ายไป ซึ่งมีลูกแชร์บางคนยอมรับเงินไขเพราะไม่อยากเสียเวลาฟ้องร้องดำเนินคดี ส่วนพวกตนทั้งหมดที่มาแจ้วความกองปราบวันนี้ เพิ่งเล่นได้ 3-4 เดือน ไม่ยอมรับเงื่อนไขรับเงิน 10 % นี้ จึงมาแจ้งความกองปราบฯ
ด้าน น.ส.บี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เผยว่า ตนรู้จักกับ น.ส.รักชนก มานานหลายปี บ้านอยู่ใกล้กันในจังหวัดสุพรรณบุรี และได้ถูกชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์ จึงตัดสินใจร่วมวงแชร์ด้วยเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เล่นแชร์รายวันแบบปิดต้น วงละ 1 แสนบาท ส่งเงินต้นไปครั้งเดียว 1.1 แสนบาท ไม่เปียเลยรอมือบ๊วย ผ่านไป 27 วัน ก็จะได้ทั้งต้นและดอกรวมๆ 1.3 แสนบาท
ตอนนั้นเห็นว่าได้เงินตอบแทนดี จึงลงเพิ่มอีกหลายวง และชวนน้าสาวที่ป่วยเส้นเลือดสมองตีบ นำเงินเก็บสำหรับรักษาตัวมาลงเล่นแชร์ด้วย สุดท้ายเมื่อ 13 ส.ค. ได้มีการหยุดโอนเงิน ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 8.3 แสนบาท
ส่วน นาง ซี อายุ 45 ปี น้าสาวของ น.ส.บี ระบุด้วยว่า อยากได้เงินเก็บคืน เพราะจำเป็นต้องใช้รักษาตัว ถ้าไม่คืนก็ต้องการให้เขารับผิดชอบติดคุกไปเลย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าส่วนใหญ่มีการแจ้งความ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี มาแล้ว และส่วนมากยังได้เข้าร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯ จะได้ประสานให้ท้องที่เร่งรัดติดตามตัว น.ส.รักชนก มา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป