21 มิถุนายน 2566 ที่ศาลฎีกา มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา ได้ออกประกาศข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่า ด้วยวิธีพิจารณาคดีความผิดทางพินัย พ.ศ.2566 ระบุว่า
ตามที่ได้มีพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ซึ่งจะเริ่มใช้บังคับวันที่ 22 มิ.ย. นี้ มีผลทำให้ความผิด ที่มีแต่เพียงโทษปรับสถานเดียว ตามกฎหมายต่างๆ ตามบัญชีท้าย พ.ร.บ. นี้ ถูกเปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย โดยไม่ถือเป็นความผิดอาญาอีกต่อไป เช่น "กฎหมายพืชกระท่อม" ประเดิมเป็นฉบับแรก ส่วนอีก 168 พ.ร.บ. จะเปลี่ยนเป็นพินัย ในเดือน ต.ค. นี้
ผู้กระทำผิด คดีพินัย ไม่ติดประวัติอาชญากร เพื่อลดผลกระทบทางสังคม และสามารถขอผ่อนชำระค่าปรับ หรือทำงานแทนค่าปรับได้ตามฐานะเศรษฐกิจ โดยกฎหมายกำหนดให้ศาลยุติธรรม มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีประเภทนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีความผิดทางพินัย พ.ศ.2566 สำหรับใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการดำเนินคดี ความผิดทางพินัยในชั้นศาล
โดยมีหลักการที่น่าสนใจหลายเรื่อง เช่น กำหนดให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักในการดำเนินคดี ไม่ว่าการยื่นฟ้อง ส่งเอกสาร หรือการพิจารณาคดีให้ทำทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ถ้าใครยังไม่พร้อมใช้ ก็ใช้วิธีการเดิมไปพลางก่อนได้ คดีพินัยสามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้ ซึ่งต่างจากคดีอาญาทั่วไป ที่ต้องพิจารณาคดีต่อหน้าจำเลย
คดีพินัยถึงแม้จำเลยไม่มาสู้คดี ศาลก็พิจารณาคดีต่อได้ แต่ยังต้องพิจารณาจากหลักฐาน ว่าจำเลยทำผิดจริงหรือไม่ก่อนตัดสิน รวมถึงวางหลักเกณฑ์ใหม่เป็นครั้งแรก เกี่ยวกับการพิพากษาคดี ที่ศาลอำนวยความสะดวกเต็มที่ให้โจทก์จำเลยไม่ต้องมาฟังคำพิพากษาที่ศาลก็ได้ โดยสามารถขอให้ศาลส่งคำพิพากษาไปให้แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย นี้ถือเป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากเดิมศาลยุติธรรมมีแต่ คดีแพ่ง , คดีอาญา ต่อไปจะมี คดีพินัย อีกประเภท