โดยเบื้องหลังที่ว่ามีการตั้งข้อสังเกต
1.คดีนี้ไม่ใช่การหักกันเรื่องส่วย เพราะหากมีความขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ของหน่วยระดับพื้นที่ จะนำกำลังไปจับกันเอง ไม่นำหน่วยนอก หรือหน่วยเหนือเข้าไป แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้กำลังจากหน่วยเหนือ และสำนักงาน ป.ป.ส. จึงเป็นการจับที่ในวงการเรียกว่า "จับตัดคอ" เพื่อจัดการกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์
2.มีตำรวจระดับ "นายพัน" ใน สน.มักกะสัน เกี่ยวข้องเป็น "สาย" คอยแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้กับผู้ประกอบการผับแห่งนี้ ทำให้ปฏิบัติการจับกุมทำได้ยากมาก และต้องใช้กำลังจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ กก.ดส. ของ บช.น. เป็นกำลังหลักในการเข้าพื้นที่
3.มีการประสานสำนักงาน ป.ป.ส. ให้เข้าปฏิบัติการพร้อมกัน เพื่อตรวจค้นและเก็บหลักฐานยาเสพติด ซึ่งเป็นการอุดช่องโหว่ปัญหาที่เคยเกิดในการเก็บหลักฐาน เมื่อครั้งทลายผับจินหลิง เมื่อปีที่แล้ว ที่พบยาเสพติด และนักเที่ยวเสพยาจำนวนมาก ตำรวจหน่วยเดียวไม่มีอุปกรณ์การตรวจ และเก็บหลักฐานมากพอ
4.ก่อนปฏิบัติการมีการส่งทีมไปเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง พบบุคคลเป้าหมาย ชื่อย่อ "นาย ม." ทำหน้าที่ส่งยา นำยาเสพติดไปส่งเกือบทุกวัน ทางชุดสืบสวน จึงมั่นใจว่าเป็นการเปิดผับอัพยาอย่างแน่นอน จึงได้ทยอยเก็บหลักฐานการเข้าออกของทั้งนักเที่ยวและบุคคลที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าทลาย
สำหรับ "นาย ม." มีพฤติการณ์สร้างอิทธิพลจนขยับขึ้นมาเป็น "ขาใหญ่" ในพื้นที่กรุงเทพฯ เติบโตมาจากสายทวงหนี้ เก็บค่าคุ้มครอง กระทั่งระยะหลังทำยาเสพติดเอง และเดินสายส่งยาตามสถานบริการ
แต่ "นาย ม." ค่อนข้างระวังตัว เวลาไปติดต่อธุรกิจ หรือส่งของ หากไปเองพร้อมลูกน้อง ก็จะใช้เวลาอยู่ในแต่ละสถานที่ไม่นานนัก ไม่ถึง 1 ชั่วโมง และตัวของ "นาย ม." รวมทั้งยานพาหนะ จะไม่มีของ ทำให้การหาหลักฐานมัดเพื่อจับกุมเป็นไปได้ยาก แต่ "นาย ม." คือเป้าหมายสำคัญที่ บช.น.กำลังแกะรอยและดำเนินการ
5.การเรียกกำลังเพื่อเข้าตรวจค้นในสถานบริการไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีนักเที่ยวและพนักงานในผับรวมๆ แล้วเกือบๆ 100 คน โดยหลักต้องใช้กำลังมากกว่าผู้ต้องหา 2-3 เท่า จึงจะควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะที่การเรียกกำลังเพื่อปฏิบัติการ ต้องเป็นความลับ (ว.5) เพราะมีตำรวจระดับ "นายพัน" ใน สน.มักกะสัน คอยส่งข่าว เหมือนเป็นหนอนบ่อนไส้
6.การดำเนินการกับตำรวจระดับ "นายพัน" กำลังตรวจสอบเส้นทางเงิน เพราะเชื่อว่าน่าจะมีช่องทางการเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ใช่สถานบริการแห่งนี้แห่งเดียว แต่เป็น "สาย" ให้กับสถานบริการหลายแห่งในพื้นที่นครบาล ทั้งในและนอกท้องที่ สน.มักกะสัน ซึ่งหากพบหลักฐานเชื่อมโยง จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที
ก่อนหน้านี้มีความพยายามบุกจับสถานบันเทิงชื่อดังย่านเอกมัย ปรากฏว่าผู้ประกอบการรู้ล่วงหน้า จึงคว้าน้ำเหลว ขณะเดียวกันในท้องที่ สน.มักกะสัน และใกล้เคียง มีสถานบริการเปิดเย้ยกฎหมายหลายแห่ง หนึ่งในนั้น คือ ผับดังเปิดใหม่ในโรงแรมหรู 5 ดาว และมีการยิงกันหน้าสถานบริการ แต่เรื่องนี้กลับไม่เป็นข่าว จึงเชื่อว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ และมีการแจ้งข่าว รวมทั้งให้ความคุ้มครองสถานบริการเหล่านี้