
1 มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาตำรวจสอบสวนกลาง นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ ตัวแทนสภาองค์กรผู้บริโภค พาผู้เสียหาย นายเดวิด เอ็ดเวิร์ด แชพเพิล อายุ 70 ปี สัญชาติอังกฤษ ผู้เสียหาย พร้อมด้วยนายเตวิช หะจิ ทนายความ ยื่นหนังสือร้อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้สอบสวนดำเนินคดีกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของเกาะสมุย หลังผู้เสียหายซื้อห้องพัก โอนเงินเต็มจำนวน แต่กลับไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้เสียหาย ทั้งๆที่ผู้เสียหายมีสิทธิได้ครอบครองตามกฎหมาย
นายภัทรกร เปิดเผยว่าผู้เสียหายได้มาร้องเรียนสภาองค์กรผู้บริโภคเมื่อ 19 เม.ย.ว่าได้ซื้อคอนโดหรู ที่เกาะสมุยราคากว่า 15 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2559 และพยายามขอเอกสารสิทธิ ปรากฎว่าไม่ได้รับเอกสาร ต่อมาพบว่าทางโครงการไม่ได้ยื่นขออนุญาต และพบข้อพิรุธหลายอย่าง เช่น แจ้งข้อความเท็จ หลอกลวงผู้บริโภค ไม่จดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์แก่ลูกค้า ไม่ส่งมอบเอกสารสิทธิสำนักงานที่ดินแก่ลูกค้า นำที่ดินภายในโครงการไปขายและจำนองโดยลูกค้าไม่รู้เห็นยินยอม
ด้านทนายความเปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวจะใช้วิธีการนำเสนอขายโครงการผ่านทางเว็บไซต์ มีการนำเอกสารสิทธิ ต่างๆมาให้ดู และรูปภาพของโครงการ สร้างความน่าเชื่อถือ จนผู้เสียหายตัดสินใจซื้อ ห้องพักดังกล่าวจำนวน 2 ห้อง ในราคา 15 ล้านบาท และได้เข้าไปอยู่อาศัยแล้ว แต่กลับไม่มีการโอนเอกสารสิทธิ เมื่อตรวจสอบยังพบว่ามีผู้เสียหายถูกบริษัทฯ นี้หลอกอีกมากกว่า 5 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยในวันนี้มีการแจ้งความกับบริษัทดังกล่าว ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และยักยอกทรัพย์
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ตัวผู้ซื้อน่าจะรู้อยู่แล้วว่า การซื้อห้องชุดที่นี่ ผู้ซื้อจะได้สัญญา และการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารทรัพย์ส่วนกลาง ซึ่งตัวผู้ซื้อจะมีกรรมสิทธิ์ เหมือนกับการซื้อคอนโดทั่วไป จะมีเอกสารยืนยันจากเจ้าของโครงการ ในการถือสัญญาและถือหุ้น ซึ่งในเรื่องนี้ตัวผู้ร้องเรียนทราบเป็นอย่างดี และปัจจุบันตัวผู้เสียหายเองก็ยังพักอาศัยอยู่ที่นี่ โดยครอบครองอยู่ 2 ยูนิต พักอาศัย 1 ยูนิต และปล่อยให้เช่าอีก 1 ยูนิต
ส่วนเอกสารราชการกำลังตรวจสอบอยู่ว่า วันที่มีการทำนิติกรรม มีการให้สำนักงานกฏหมายช่วยตรวจสอบหรือไม่ เนื่องจากชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออาคารภายในเกาะสมุย มักจะให้บริษัทกฎหมายช่วยดูแล ยืนยันว่ากรณีนี้มีสัญญา ที่เป็นเรื่องระหว่างบริษัท และมอบไว้ให้กับเจ้าของห้องชุด เพื่อแจ้งว่ามีสิทธิ์อะไรบ้าง ซึ่งผู้ถือครองห้องชุดทุกห้องทราบดี รวมถึงตัวผู้ที่ร้องเรียนด้วย
ส่วนสาเหตุที่ไปร้องเรียน เชื่อว่าน่าจะเป็นการอยากลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ภายในเกาะสมุย แต่เนื่องจากเป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย จึงเลือกลงทุนในโครงการนี้ เพื่อที่จะปล่อยเช่า แต่ตัวผู้ร้องอาจจะอยากขาย เพื่อที่จะได้เงินคืน จึงเป็นเหตุให้ออกมาร้องเรียน ซึ่งไม่ตรงกับความจริง ทางโครงการมีเอกสารสัญญาชัดเจนถูกต้อง ไม่ได้มีการหลอกลวงหรือฉ้อโกง ในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่า หากมีข้อโต้แย้ง จะต้องทำการยื่นให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้วินิจฉัย ซึ่งก็ได้มีการวินิจฉัยแล้วว่าสัญญาถูกต้องและสามารถใช้ได้
ไม่ทราบว่าทำไมผู้ร้องเรียนไม่ใช้สิทธิ์ตามกระบวนการ การใช้สิทธิ์อาจจะล่าช้า จึงใช้สิทธิ์ในการออกมาเรียกร้องสื่อ เพื่อเป็นกระบอกเสียง แต่ตัวผู้ร้องเรียนก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา การเรียกร้องผ่านสื่อ ทำให้โครงการเสียหาย แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อก็ตาม แต่เอกสารและภาพที่เอามาแสดงสามารถระบุได้ ทางโครงการจึงรอรับหมายเรียก จากพนักงานสอบสวน เพื่อให้เข้าไปชี้แจง ซึ่งหลังการชี้แจงเสร็จสิ้น ทางโครงการก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและอาญา ในคดีแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท