3 พฤษภาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.) พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4(ผบก.น.4) พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา กิตติถิระพงษ์ รองผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท.พร้อมด้วยคณะทำงาน ร่วมกันแถลง กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นตำรวจหลอกลวงนายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ให้โอนเงิน สูญเงินไป 3.2 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 - 20 พฤษภาคม 2566 มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่
1.คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ
2.คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ
3.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน
4.คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ
5.คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์
พล.ต.อ.สมพงษ์ ระบุ สำหรับคดีการหลอกลวง "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" สูญเงินไป 3.2 ล้านบาทเศษ ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ จึงได้เชิญเจ้าตัวมาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
นายวัฒนา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาก็ได้รับรู้ข่าวสารว่ามีมิจฉาชีพก่อเหตุหลอกลวงประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองก็พยายามระมัดระวังตัวมาโดยตลอด แต่ก็มาพลาดจนได้ จึงอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์มาลงโทษให้ได้ เผื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก และอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง เป็นกรณีศึกษาเพื่อไม่ให้มีผู้อื่นตกเป็นเหยื่ออีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
-- จุดสังเกต(จากคดีหลอกลวง "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) --
1.การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ พูดคุยโน้มน้าวให้หลงเชื่อ
2.อ้างสถานที่เกิดเหตุไกลจากที่อยู่ผู้เสียหาย ก่อนเสนอการอำนวยความสะดวก
3.แอบอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ข่มขู่เพื่อให้เหยื่อเผยข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกโอนเงิน
4.การใช้บัญชีไลน์ส่วนบุคคล แต่หน่วยงานรัฐใช้บัญชีทางการ (Line Official)
5.การรับโอนเงิน ใช้บัญชีส่วนบุคคล แต่หน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน ใช้บัญชีองค์กร
-- วิธีป้องกัน (จากคดีหลอกลวง "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) --
1.ให้ติดต่อ call center หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายนั้นๆ โดยตรง
2.นัดหมายไปพบเจ้าหน้าที่ เพื่อแจ้งความ สอบสวนปากคำ ชี้แจง หรือยื่นพยานเอกสาร พยานวัตถุ ณ สถานที่เกิดเหตุหรือสถานที่ราชการด้วยตนเอง
3.การสนทนาทุกช่องทาง ให้มีสติ จับสังเกต ท่าทาง ความผิดปกติ
พล.ต.ต.สุระพรรณ กล่าวว่า หลังการรวบรวมพยานหลักฐาน การสืบสวนเส้นทางการเงิน จนสามารถดำเนินการออกหมายจับ ออกหมายเรียก ทั้งอายัดเงินในบัญชีม้า รวมถึงการนัดหมายให้ผู้ต้องหามารายงานตัวแล้ว รวมถึงการสอบปากคำ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ ซึ่งถูกแก็งคอลเซนเตอร์นำไปกล่าวอ้าง โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับผู้เสียหาย
นอกจากนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังใช้วิธีส่ง sms หลอกให้กดเพิ่มเพื่อนไลน์แล้วให้โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งมีแอบอ้างหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานเอกชน อาทิ การไฟฟ้า การประปา ธนาคาร โดยส่ง sms ให้ผู้เสียหายกดลิ้งก์เพิ่มเพื่อนไลน์ แล้วหลอกให้หลงเชื่อและกดลิ้งก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย
ในรอบสัปดาห์ ที่ผ่านมา มีการแอบอ้างการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ดังนี้ มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟน.หลอกโอนเงิน โดยส่ง sms แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ กฟน.จดเลขมิเตอร์เกิน ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ โดยเพิ่มเพื่อนในไลน์กับมิจฉาชีพซึ่งใช้ชื่อสำนักงานการไฟฟ้า และอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กฟน.แล้วส่งลิ้งก์มาให้หลงเชื่อและกดลิงก์ เพื่อให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย
** จุดสังเกต การเปรียบเทียบของปลอม-ของจริง **
-- ของปลอม --
1.เว็บไซต์ชื่อ www.xk-line.cc นามสกุลของโดเมนไม่ถูกต้อง
2.ไลน์เป็นบัญชีส่วนบุคคล สามารถโทรหากันได้ 3.ใช้โลโก้ กฟน. เหมือนของจริง แต่ใช้ชื่อบัญชี “สำนักงานการไฟฟ้า”
-- ของจริง --
1.เว็บไซต์ชื่อ www.mea.or.th นามสกุลของโดเมนคือ .or.th
2.ไลน์เป็นบัญชีทางการ ไม่สามารถโทรหากันได้
3.ใช้ชื่อบัญชี “การไฟฟ้านครหลวง”
-- วิธีป้องกัน --
1.ไม่เปิดอ่านหรือกดลิ้งก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง
2.กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) หรือ MEA call center โทร. 1130 โดยตรง
3.หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิ้งก์หรือข้อความที่มีคนส่งให้
พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า การระงับการทำธุรกรรมและอายัดบัญชีตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 – 5 พ.ค.66 มีรายละเอียด ดังนี้ Case ID ในความรับผิดชอบ 30,439 (Case ID) พงส.แจ้งธนาคารทราบถึงการรับคำร้องทุกข์ 988 (Case ID) พงส.แจ้งให้อายัดการทำธุรกรรม/อายัดบัญชี 762 (Case ID) จำนวนบัญชีที่ขอระงับ/อายัด 16,597 (บัญชี) จำนวนเงินที่ขออายัด 685,310,290 (บาท) จำนวนเงินที่อายัดได้ 92,132,049 (บาท) (14%)
การดำเนินการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า) ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 - 17 เม.ย.66 มี ดังนี้ ออกหมายจับ จำนวน 264 คดี/268 หมาย จับกุม จำนวน 170 คดี/137 คน เจ้าของไปขอปิดบัญชี จำนวน 118 บัญชี
การดำเนินการตรวจค้น จับกุม การจำหน่ายซิมแบบลงทะเบียนพร้อมใช้ แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ (ซิมเถื่อน) ได้ทำการตรวจค้นสถานที่ที่ต้องสงสัย รวมการตรวจค้นทั่วประเทศ 40 จุด พบการกระทำผิด จำนวน 4 จุด จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ตรวจยึดซิมโทรศัพท์ทั้งหมด 108,789 ซิม นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้ว
กรณีเปิดหรือยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า ให้รีบนำบัตรประชาชนไปปิดบัญชีกับธนาคารโดยเร็ว เนื่องจากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีอัตราโทษสูง คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนให้ประชาชนได้รู้เท่าทัน รูปแบบกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐต่างๆ วางสายโทรศัพท์ทันที ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิ้งก์ใน sms แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store เท่านั้น
สำหรับประชาชนเมื่อถูกหลอก หรือ มีเหตุสงสัยว่าตกเป็นเหยื่อ เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน และแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกไป ให้ประชาชนรีบดำเนินการ ดังนี้
1.แจ้งธนาคารทันที ผ่านเบอร์ศูนย์รับแจ้งเหตุ hotline หรือที่สาขาเพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว ช่วยตัดตอนเส้นทางการเงิน
2.แจ้งตำรวจอย่างรวดเร็ว ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com และต้องไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำอีกครั้ง หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ใดก็ได้เพราะธนาคารระงับธุรกรรมชั่วคราวได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยตำรวจจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่อระงับธุรกรรมต่อไปอีก เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441