12 พฤษภาคม 2566 กวาดล้างปืนเถื่อนช่วงเลือกตั้ง 66 หนึ่งในนั้นเป็น พยาบาลสาว และ แฟนหนุ่มวิศวะ โดยพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง และอาวุธสงคราม โดยปูพรมตรวจค้น 60 จุดใน 42 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหา 50 คน พร้อมของกลางอาวุธปืน 77 กระบอก ระเบิดปิงปอง 1 และลูกเครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ รวม 2,440 นัด
สืบเนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม ก่อนวันเลือกตั้ง ในห้วงระหว่างวันที่ 4–10 พ.ค.66 โดยคดีที่น่าสนใจเป็นการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหารายสำคัญ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยมีพฤติการณ์จำหน่ายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนในระบบออนไลน์ โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล และซุ้มมือปืน โดยการขยายผลพบรายละเอียดของการสั่งซื้ออาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน จำนวนมาก
จากนั้นตำรวจได้ล่อซื้อกระสุนปืน 1 กล่อง พบต้นทางส่งมาจากบ้านหลังหนึ่ง ในซอยรามอินทรา 65 แยก2-2 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน
ตำรวจจึงขอหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านดังกล่าว พร้อมจับกุม พยาบาลสาว อายุ 31 ปี เป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา และ วิศวะกรหนุ่ม อายุ 34 ปี
พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนขนาดต่างๆ 19 กระบอก แบ่งเป็นปืนมีทะเบียน 17 กระบอก ในจำนวนนี้มีปืนของทหารที่ถูกนำมาจำนำ 1 กระบอก และปืนบีบีกันอีก 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืนกว่า 2,000 นัด
จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การว่า อาวุธปืนทั้งหมดเป็นของหญิงสาวรายดังกล่าว ซึ่งอ้างว่าปืนนั้น แฟนหนุ่มซึ่งเป็นวิศวกรช่างกลได้นำชื่อตนเองไปซื้อ เพราะได้สิทธิสวัสดิการ แต่ไม่ทราบเรื่องการจำหน่าย สินค้าที่นำไปส่ง แฟนหนุ่มได้แพ็คใส่กล่อง และให้ตนเองนำไปส่งให้ โดยที่ไม่ทราบว่าข้างในเป็นอาวุธปืน
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติทั้งหมดพบว่า นางพยาบาลคนนี้ มีชื่อซื้ออาวุธปืนสวัสดิการทั้งสิ้น 21 กระบอก ภายในปี 62-63 และต่อมาในปี 65 ซื้อเพิ่มอีก 1 กระบอก ซึ่งมากผิดปกติ จึงได้ควบคุมตัวนางพยาบาล และแฟนหนุ่มไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนบางกระบอกพบว่า มีบางส่วนเป็นปืนบีบีกัน แต่มีการเปลี่ยนแปลงลำกล้อง ยกตัวอย่างเช่น ปืนขนาด . 22 แต่มีการดัดแปลงลำกล้องเพื่อให้ใช้กับกระสุน M4 ได้ ซึ่งในส่วนนี้ถือว่า เป็นความผิดตามกฏหมายเนื่องจาก ตามกฏหมายระบุประชาชนสามารถครอบครองอาวุธปืนได้เพียงขนาด.22 ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์
นอกจากนี้ยังพบว่า มีใช้ช่องโหว่ของกฎหมายซื้อปืนสวัสดิการในราคาถูก แต่ปืนอยู่กับบุคคลอื่น ต้องสลักหลังทิ้งไว้พอ 5 ปีถึงโอน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ ทาง บช.สอท. อยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อขยายผลกวาดล้างต่อไป