
2 พฤษภาคม 2566 บุกร้องเรียนแบงก์ชาติ ธนาคารไม่ให้ความร่วมมืออายัดบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากกรณี นางสาวสุชนิกา ชนะสิทธิ์ อายุ 30 ปี เจ้าของธุรกิจเบเกอรี่ เดินทางไปธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งความประสงค์ให้ดำเนินการช่วยเหลือ หลังจากถูกมิจฉาชีพเข้าแฮกระบบโทรศัพท์ส่วนตัวและควบคุมด้วยระบบรีโมท สูญเสียเงินไปมากกว่า 1,968,049 บาท โดยได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิงนภาภรณ์ ฤกษ์พิชัย บก.สอท.1 แต่ทางธนาคารไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการอายัดบัญชีและตรวจสอบเส้นทางการเงิน
นางสาวสุชนิกา ระบุว่า วันที่เกิดเหตุ 25 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. คนร้ายได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ 092-091-8643 โทรมาอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสรรพากร ปลายสายเป็นผู้หญิงโดยพูดเรื่องส่งงบการเงินล่าช้า ซึ่งในขณะนั้นกำลังจัดเตรียมเอกสารเรื่องนี้อยู่พอดี จึงไม่สะดวกสนทนาทางโทรศัพท์ คนร้ายจึงขอแอดไลน์ผ่านเบอร์โทรศัพท์
ต่อมาได้มีผู้ใช้ชื่อ "กระทรวงพาณิชย์" ส่งคำขอมาเป็นเพื่อนในแอปพลิเคชันไลน์และขอให้อัปเดทข้อมูลเรื่องการส่งงบการเงิน หลังจากนั้นมีหมายเลขโทรศัพท์ 066-042-3264 ติดต่อมาหา ปลายสายเป็นผู้ชาย คนละคนกับคนแรก อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องต่อ พูดในเชิงเร่งรัดเรื่องราวให้รีบอัปเดทข้อมูลงบการเงินผ่านเว็บไซต์
"เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์ ปรากฎว่าหน้าจอมือถือเจ้าค้าง มีอาการรวน และไม่สามารถกดใช้งานได้เป็นเวลาประมาณ 10 นาที"
นางสาวสุชนิกา กล่าวอีกว่า ในระหว่างนั้นพยามเข้าโทรศัพท์ใหม่ แต่เมื่อปลดล็อกหน้าจอก็ไม่สามารถใช้งานได้ ภายหลังทราบว่า เป็นการควบคุมโทรศัพท์ผ่านระบบรีโมทอัตโนมัติ ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้
เมื่อใช้งานไม่ได้จึงรู้ตัวทันทีว่าถูกหลอกและโทรศัพท์โดนแฮก จึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อขอระงับบัญชีแต่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า มีการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ออกไปแล้ว จำนวน 2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังพบว่า มีการถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ผ่านแอปพลิเคชัน LINE BK ไปยังบัญชี Prompt-pay หมายเลขโทรศัพท์ 083-614-5787 ชื่อบัญชี Mr. Sa-Ngiam Jehlee จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 12,836 บาท
นางสาวสุชนิกา จึงได้แจ้งทั้ง 2 ธนาคาร ให้ทำการอายัดบัญชีปลายทางไว้ทั้ง 3 บัญชี ทางธนาคารแจ้งว่าจะระงับไว้ชั่วคราว และให้หนังสืออายัดบัญชีจากตำรวจที่รับแจ้งความ ไปที่ธนาคารแห่งหนึ่ง
นางสาวสุชนิกา ได้ทำตามขั้นตอนอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากในขณะนั้นกำลังแจ้งความและให้ปากคำอยู่ที่ สน.โชคชัย เพื่อจะเร่งส่งเรื่องให้ทาง สอท. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแนะนำให้เพื่อนที่ไปด้วยรีบล่วงหน้านำเอกสารไปที่ธนาคารหนึ่ง สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัลอีสวิลล์ก่อน แต่ทางธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถรับเรื่องได้ เนื่องจากต้องการตัวของนางสาวสุชนิกา ไปยืนยันเองเท่านั้น
"เพื่อนโทรศัพท์มาแจ้งทันที ตำรวจจึงได้คุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารทางโทรศัพท์ว่าให้รีบอายัดก่อน แล้วจะรีบให้ไปเซ็นเอกสารภายหลัง แต่ทางธนาคารก็ยังไม่ยอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินการต่อให้แทน และให้รีบเดินทางไปธนาคาร จึงทำให้การอายัดยิ่งล่าช้าออกไป และเมื่อทางสอท.ขอเส้นทางการเงินทางธนาคารก็ไม่ให้ความร่วมมือ"
นางสางสุชนิกา กล่าวอีกว่า บัญชีระบบธนาคารนั้น ได้มีการตั้งวงเงินการโอนไว้ที่วันละ 200,000 บาทเท่านั้น แต่คนร้ายได้ใช้ระบบรีโมทควบคุมโทรศัพท์ ทำให้สามารถเห็นรหัสต่างๆ รวมถึงรหัส OTP. จากธนาคาร คนร้ายจึงสามารถเปลี่ยน วงเงินผ่านแอปฯและกดโอนเงินออกเองได้ในที่สุด ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าที่ตั้งวงเงินไว้กับทางธนาคาร ธนาคารทราบถึงกลยุทธ์ระบบรีโมทข้างต้นอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันไว้ได้
ดังนั้น ขอร้องเรียนให้ดำเนินการกับกลุ่มมิจฉาชีพและให้ธนาคารผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจรณารับผิดชอบ ดำเนินการปิดช่องโหว่ ต่างๆของธนาคาร รวมถึงเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนร้ายและแจ้งความคืบหน้าแก่ข้าพเจ้าเพื่อดำเนินคดีให้เร็วที่สุด