
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ เลขาธิการประธานศาลฎีกา นายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายจรัล เตชะวิจิตรา รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา นายไตรรัตน์ แก้วศรีนวล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 และคณะ ตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดเกาะสมุย ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีศาลจังหวัดปากพนังเข้าร่วมด้วย ขณะที่นายธีระยุทธ จินา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทลุง ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเกาะสมุย
นายสรายุทธ วราโห ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนครศรีธรรมราช ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายชัยชาญ อยู่ชุ่ม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดปากพนัง พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกาได้มอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจน คณะผู้พิพากษาสมทบและผู้ประนีประนอม พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา และแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล
ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า แม้ศาลจังหวัดเกาะสมุยจะมีปริมาณคดีไม่มากนัก แต่ก็เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาทั้งคดีจังหวัด คดีแขวงและคดีเยาวชนและครอบครัว จึงควรมีการวางระบบการบริหารจัดการคดีเพื่อให้สามารถพิจารณาพิพากษาแล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาตามกฎหมายในขณะเดียวกัน ศาลจังหวัดเกาะสมุยมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ตั้งอยู่บนเกาะการเดินทางมาศาลของคู่ความและพยานต้องอาศัยเรือหรือเครื่องบิน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและมีความยากลำบาก
ดังนั้น จึงควรนำเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เช่น ระบบ e-Filing หรือ CIOS มาใช้ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อลดภาระการเดินทางมาศาลที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งรณรงค์ หรือจัดฝึกอบรมให้ประชาชนสามารถใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของศาลยุติธรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทั้งมีผู้ประกอบธุรกิจไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก อันนำมาซึ่งข้อพิพาทที่มีทุนทรัพย์สูง แต่เป็นสังคมขนาดเล็ก ผู้พิพากษาจึงเป็นที่รู้จักและถูกจับตามองได้ง่าย พึงต้องวางตนอย่างเหมาะสม มีความโปร่งใส และรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนในพื้นที่และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของศาลยุติธรรมต่อไป
ประธานศาลฎีกา ยังกล่าวเน้นย้ำถึงการทำงานของผู้พิพากษาด้วยว่า ในการพิจารณาพิพากษาคดี พึงวินิจฉัยด้วยความละเอียดรอบคอบ มีเหตุมีผลที่ชัดเจน ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ส่วนงานทางด้านธุรการ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นด่านหน้ามีหน้าที่ต้องบริการประชาชนโดยตรง ก็เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่จะขับเคลื่อนงานของศาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ว่าเป็นไปเพื่อให้บุคลากรศาลยุติธรรมมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน ซึ่งในการประกวดครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2566นี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การแบ่งกลุ่มศาลที่แข่งขัน
โดยในกลุ่มศาลจังหวัดจะแบ่งเป็นศาลจังหวัดที่มีอำนาจพิจารณาคดีแขวง กับศาลจังหวัดที่ไม่มีอำนาจพิจารณาคดีแขวง และในแต่ละกลุ่มดังกล่าว ก็มีการแยกเป็นศาลที่มีคดีรับใหม่ต่อปีตั้งแต่ 7,000 คดีขึ้นไป กับศาลที่มีคดีรับใหม่ต่อปีน้อยกว่า 7,000 คดี เพื่อให้แต่ละศาลแข่งขันในกลุ่มที่มีลักษณะงานและปริมาณคดีที่ใกล้เคียงกัน โดยจะประกาศผลและมอบรางวัลภายในเดือนกันยายน 2566 จึงขอให้ติดตามเพื่อทราบหลักเกณฑ์ในการแข่งขันและวางแผนเพื่อพัฒนาระบบงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจเยี่ยมศาลดังกล่าว ประธานศาลฎีกาได้พบปะพูดคุยกับผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามส่วนงานต่าง ๆ โดยรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง รวมถึงให้กำลังใจ ในการปฏิบัติงาน และขอให้ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ