
13 เมษายน 2566 เมื่อเวลา 04:10 น. เกิดเหตุฆ่าปาดคอ ชิงทองคำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุฆาตกรรมหญิงสาว โดยคนร้ายใช้มีดปาดคอหญิงสาวจนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณชั้นที่ 3 คอนโดแห่งหนึ่งในต.บางจาก อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุภายในห้องพักเลขที่ 302 ชั้นที่ 3 บริเวณหน้าประตูห้อง พบรอยเท้าเปื้อนเลือด และด้านในห้องพบศพ ผู้เสียชีวิต เป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.วารินทร์ เสือมาก อายุ 34 ปี ในสภาพนอนหงาย เสียชีวิตอยู่กลางห้องนอน ที่ลำคอมีบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคม ตามร่างกายมีบาดแผลถูกของมีคมแทงหลายแห่ง
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตรำวจ ไม่พบอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ และภายในห้องไม่พบการรื้อค้น นอกจากนั้นยังพบว่า มีทองรูปพรรณ น้ำหนัก 6 บาท และกระเป๋าสตางค์ของผู้ตาย ได้สูญหายไป
ขณะที่ผู้พักอาศัยห้องข้างๆ บอกว่า ช่วงเวลา 04.00 น. ได้ยินเสียงคนเคาะห้อง ก็ไม่มั่นใจว่า ห้องไหน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของคนทะเลาะกันแต่อย่างใด จนกระทั่งเช้า จึงทราบว่ามีผู้เสียชีวิต
นายบุณเลิศ สืบเพ็ง 49 ปี น้าชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายตั้ม (สงวนชื่อและนามสกุลจริง) แฟนผู้ตาย ได้โทรศัพท์หาตน เมื่อเวลา 04.08 น. ว่าแฟนของเค้าถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิต โดยเล่าว่า หลังจากเลิกงานมาตอนตีสี่ กลับขึ้นห้องมาพบว่าห้องล็อก เคาะประตูห้องแต่ก็ไม่มีใครเปิด จึงใช้กุญแจไขห้องเข้าไป ก่อนจะพบว่า แฟนสาวของตนถูกฆ่าเสียชีวิต จึงได้โทรศัพท์แจ้งตนให้มาดูที่เกิดเหตุ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มาตรวจสอบ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน พร้อมแพทย์เวร และกองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางลงพื้นที่ พร้อมกับถ่ายรูป และเก็บหลักฐานเอาไว้ พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ร้านค้าชั้นล่างของอาคาร พบว่า แฟนผู้ตาย ได้มาซื้อเบียร์กับเพื่อน ในช่วงเวลา 03:43 น. ก่อนจะเดินออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม
นอกจากนี้จะได้เชิญตัว นายตั้ม แฟนผู้ตายไปสอบสวนอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เนื่องจากยังให้การขัดแย้งต่อพยานหลักฐาน
ขณะที่ พ.ต.อ นิรันด์ ปิตะกาศ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังจัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ. พระประแดง เร่งติดตามคดีเพราะเป็นเหตุอุกฉกรรร์สะเทือนขวัญ โดยให้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด
ชุดแรกนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรทั่วทั้งอาคารและบริเวรนอกอาคารเพื่อเริ่งติดตามคนร้าย ส่วนชุดที่ 2 นำตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุมาสอบสวนแล้วจำนวน 6 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ขณะนี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน คาดติดตามตัวคนร้ายได้ไม่ยาก