4 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวเตือนภัยมิจฉาชีพ จากพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อทำภารกิจออนไลน์หารายได้เสริม หรือการหลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม และการหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันสายการบินปลอม จาก 2 กรณีหลัก ดังนี้
กรณีแรก ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ผู้เสียหายเป็นหญิง อายุ 30 ปี กลัวสามีทราบว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทำภารกิจผ่านแอปพลิเคชันปลอม โดยให้ทำการโฆษณาสินค้า และซื้อสินค้าภายในแอปพลิเคชันดังกล่าว แล้วให้บันทึกภาพหน้าจอ (Capture) ส่งให้มิจฉาชีพเพื่อรับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาพบผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพชักชวนหลอกลวงให้ทำงาน หรือทำภารกิจออนไลน์เพื่อหารายได้เสริมต่างๆ เช่น...
การหลอกลวงให้กดไลก์ (Like) กดแชร์ (Share) ดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ (YouTube) กดรับออร์เดอร์สินค้า รีวิวที่พัก รีวิวสินค้า พับถุงกระดาษ ร้อยลูกปัด หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มิจฉาชีพออกอุบาย โดยการประกาศเชิญชวนโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, Tiktok เป็นต้น หรือการส่งความสั้น (SMS) ไปยังเหยื่อโดยตรงให้กดลิงก์เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ แล้วเข้ากลุ่มทำงานที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา โดยในช่วงแรกจะได้เงินคืนมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น มิจฉาชีพจะให้ทำภารกิจพิเศษ หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับภารกิจ
ทั้งนี้เหยื่อมักเสียดายเงินที่เคยโอนไปก่อนหน้านี้ อยากได้เงินทั้งหมดคืน ก็หลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีกหลายครั้ง มิจฉาชีพก็จะมีข้ออ้างต่างๆ เช่น อ้างว่าทำผิดขั้นตอน หรือยอดเงินในระบบไม่เพียงพอ เป็นค่าเอกสาร ค่าปิดบัญชี ค่าภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ยังสร้างความน่าเชื่อถือโดยให้หน้าม้าในกลุ่มไลน์แสดงหลักฐานปลอมว่าตนได้รับเงินจริง กระทั่งเมื่อเหยื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงก็จะปิดการติดต่อหลบหนีไป
กรณีที่สอง ตามที่ปรากฏเป็นคลิปวิดีโอสั้นเตือนภัยจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้รับแจ้งว่าตนได้รับบัตรโดยสารจากสายการบินแห่งหนึ่งฟรี ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงเข้าเว็บไซต์สายการบินดังกล่าวปลอม จากนั้นพูดคุยสอบถามข้อมูลหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม แล้วดำเนินการตามขั้นตอนของมิจฉาชีพแจ้ง
สันนิษฐานว่า เป็นการให้เหยื่อกดอนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่อันตราย (.apk) หรือแอปพลิเคชันรีโมตที่สามารถควบคุมมือถือของเหยื่อได้ โดยเฉพาะอย่างการให้ตั้งรหัส PIN 6 หลัก ซึ่งคนส่วนใหญ่จะตั้งรหัสซ้ำกับรหัสการทำธุรกรรมการเงินของธนาคารที่ใช้อยู่ เมื่อมิจฉาชีพได้ข้อมูลดังกล่าว โทรศัพท์ของเหยื่อก็จะอยู่ลักษณะโทรศัพท์ค้างไม่สามารถกดทำกิจกรรมใดๆ กระทั่งเงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปยังบัญชีของมิจฉาชีพที่เตรียมรอไว้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายและมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน
โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า การหลอกลวงทั้ง 2 กรณีดังกล่าว มิจฉาชีพจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนภารกิจ กิจกรรมที่นำมาหลอกลวงเหยื่อ หรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนหน่วยงานต่างๆ ไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ไม่เลือกอายุ หรือเพศของเหยื่อ ทุกคนทุกอาชีพสามารถตกเป็นเหยื่อได้หมด เพราะฉะนั้นการทำกิจกรรม หรือธุรกรรมใดๆ บนโลกออนไลน์ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและมีสติอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม บช.สอท.ขอประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงของมิจฉาชีพจากพฤติกรรม 2 กรณี ดังนี้
แนวทางป้องกันถูกหลอกหารายได้จากการทำกิจกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 7 ข้อ ประกอบด้วย
แนวทางป้องกันถูกหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน 7 ข้อ ประกอบด้วย