21 พฤศจิกายน 2565 “ผู้ใหญ่ลภ” นายวัลลภ สุขเฉลิมศรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.มหาพรหม อ.บางบาล จ.อยุธยา หนึ่งในทีมค้นหาร่างน้องมาวิน ซึ่งพลัดตกเจ็ตสกีจมหายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เล่าว่า หลังจากน้องมาวินตกน้ำหายไปได้ประมาณ 2-3 วัน ตนเองได้รับการประสานจาก "ผู้ใหญ่เบียร์" ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญ และเป็นเสาหลักใหญ่ในการค้นหาครั้งนี้
ทาง ผู้ใหญ่เบียร์ ให้ตนช่วยหาทีมงานค้นหาร่างของน้องมาวิน ด้วยความที่ตนเองก็เป็นกู้ภัย และติดตามข่าวน้องมาบ้าง จึงได้เตรียมทีมงานและเรือท้องแบน และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีความจำเป็น ขับรถจาก จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าเขื่อนศรีนครินทร์ ต้องบอกว่าความรู้สึกที่ไปครั้งนี้ คือต้องการช่วยหาร่างน้องให้ได้ ตอนแรกคิดว่าน่าจะไม่ยาก ถึงแม้ว่าเขื่อนดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยความที่เป็นกู้ภัยก็คิดว่าถ้าน้องจมน้ำและเสียชีวิต ไม่กี่วันก็น่าจะลอยโผล่พ้นน้ำ
แต่เมื่อลงพื้นที่จริง ผ่านไปหลายวัน ก็ยังหาไม่เจอ ทีมงานไม่ได้ท้อ ก็ยังหาข้อมูลกันเรื่อย ๆ จึงทราบว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ มีชุดข้อมูลหลายชุด เขื่อนแห่งนี้มีคนเคยจมน้ำหาย และหาไม่เจอหลายราย เพราะเขื่อนมีความลึกมาก อุณหภูมิในน้ำ ทำให้เขื่อนยิ่งลึกยิ่งลดต่ำ มีออกซิเจนน้อย ซึ่งหลาย ๆ อย่าง เป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างของน้องมาวินไม่ลอยขึ้นมา
ประกอบกับพื้นด้านล่างมันสูงต่ำไม่เท่ากัน และไม่ใช่น้ำนิ่ง ๆ ในเขื่อนเหมือนอย่างที่ตาเรามองเห็น เพราะทางเขื่อนจะมีการปล่อยน้ำอยู่เป็นระยะ ต้องบอกว่าในช่วงแรกที่ไป ทีมงานต้องวิ่งวนรอบเขื่อนกันเลยก็ว่าได้ ตามข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ที่ว่าร่างอาจจะลอยไปแต่ก็ไม่เจอ โดยระยะเวลาการค้นหาผ่านไปเป็นเวลานาน จึงมีการเปลี่ยนแผนการค้นหาอยู่ตลอดตามข้อมูลที่ได้มา จนจำไม่ได้ว่าเปลี่ยนไปกี่แผน
จนกระทั่งก่อนการค้นหาครั้งสุดท้าย ผู้ใหญ่เบียร์ ได้ประชุมหารือชุดดำน้ำ ทั่วประเทศ และทีมช่วยเหลือกว่า 20 ชุด ว่าจะลองอีกสักตั้ง โดยครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์ เครื่องโซน่า หรือซาวเดอร์ หาปลา จากพี่เอ๋ และพี่เอ็ม จาก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยในการสแกนพื้นที่
19 พฤศจิกายน เป็นวันแรกที่ได้เครื่องมา ตนก็อยู่ในเรือลำนั้นด้วย ซึ่งจุดที่หา คือจุดที่ใกล้เคียงกับที่น้องมาวินตกลงไปในน้ำ เมื่อใช้เครื่องโซน่า ก็ว่ามีวัตถุความยาวคล้ายกับมนุษย์ ซึ่งตอนนั้นทุกคนมีความหวังกันมาก จึงส่งโดรนใต้น้ำ เข้าไปช่วยสแกนจนได้ภาพที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นน้องมาวิน จริง ๆ
ต้องยอมรับตอนนั้นทุกคนดีใจมากที่หาน้องเจอ บางคนที่นั่งอยู่บนเรือก็น้ำตาไหล กับการที่ทำภารกิจสำเร็จ เพราะพวกเราตั้งใจกันมาก ขนาดในช่วงที่ยังหาน้องไม่เจอ ลูกทีมบางคนต้องกลับมาทำงาน แต่พอว่างก็มาบอกกับตนว่า อาทิตย์นี้ไปช่วยหาน้องกันอีกหรือไม่ ตนก็จะขับรถพาลูกทีมไปจนกระทั่งในที่สุดเหมือนเราพาน้องกลับบ้านได้สำเร็จแล้วจริงๆ
"ท้ายที่สุดขอให้แม่ และญาติ ๆ เพื่อน ๆ ของน้องสู้ ๆ เข้มแข็ง และขอขอบคุณทีมงานทุกคนจริง ๆ เพราะทุกคนตั้งใจกับภาระกิจในครั้งนี้มาก ๆ "