เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
อีกหนึ่งภัยร้ายในสังคมวันนี้
ชวนคอข่าวชาวเนชั่นออนไลน์มาทำความรู้จัก “โรคใคร่เด็ก” หรือ พีโดฟิลเลีย (Pedophilia) เป็นอาการทางจิตที่ผิดปกติที่แสดงออกว่าชอบหรือรักเด็ก แต่เป็นความรักที่เกินขอบเขต รักแบบคลั่งไคล้ ต้องการให้เด็กเป็นของตัวเอง จนนำไปสู่การนำเด็กมาเป็นเหยื่อบำบัดความใคร่ทางเพศ
ลักษณะผู้ป่วยโรคใคร่เด็ก (ไม่แสดงพฤติกรรมที่ชัดเจนและสังเกตอาการจากภายนอกได้ยาก)
ใครที่มีความเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อ : เด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ไปถึง 13 ปี
รูปแบบการกระทำทางเพศกับเด็ก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ประเทศไทย ยังไม่มีการกำหนดโทษและลงโทษ โดยคำนึงถึงความผิดปกติทางจิต “โรคใคร่เด็ก” และอาจไม่เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ผู้ทำความผิดจึงมีความผิดและรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับผู้พบเห็นการกระทำผิด สามารถแจ้งเหตุได้ที่
ล่าสุด สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคใคร่เด็ก และวิธีการสังเกตผู้ที่อาจเข้าข่ายไว้
ทำความเข้าใจ "โรคใคร่เด็ก" แบบง่ายๆ ด้วย Q&A
Q : โรคใคร่เด็ก คือ อะไร ?
A : โรคใคร่เด็ก เป็นความผิดปกติทางจิตที่ผู้ใหญ่หรือผู้ที่อยู่ในวัยรุ่นตอนปลายมีความต้องการทางเพศกับเด็กที่มีอายุก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ (อายุไม่เกิน 13 ปี) ซึ่งทางการแพทย์กำหนดว่าผู้เป็นโรคใคร่เด็กจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป และผู้นั้นต้องมีอายุมากกว่าเด็กอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งการเป็นโรคใคร่เด็กก็ไม่นำไปสู่การทารุณหรือการทำร้ายเด็กทางเพศเสมอไป
Q : สถานการณ์การกระทำผิดทางเพศในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
A : สถิติผู้ต้องขังคดีทางเพศของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 มีจำนวน 9,566 คน คิดเป็นร้อยละ 3.06 ของผู้ต้องขังทั้งหมด 312,431 คน
เมื่อดูตัวเลขการกระทำผิดซ้ำ พบว่า สถิติการกระทำผิดซ้ำในคดีเพศ จะมีจำนวนน้อยแต่เป็นลักษณะคดีที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่มีพฤติการณ์ที่โหดร้ายใช้ความรุนแรงและกระทำต่อเด็กเล็ก
ถ้าจำแนกตามคดีผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวด้วยคดีทางเพศ แล้วกลับมา
สถิติเฉพาะปี 2560 มีผู้ต้องขังที่ถูกปล่อยตัวด้วยคดีทางเพศกลับกระทำผิดซ้ำภายใน 1 ปี จำนวน 217 ในจำนวนดังกล่าวมี 24 คน ที่กลับมากระทำผิดซ้ำในคดีทางเพศ คิดเป็นร้อยละ 0.98 มี 13 คน ที่ถูกปล่อยตัวด้วยคดีข่มขืนกระทำชำเรา และกลับมากระทำผิดในคดีฐานความผิดเดิมด้วย
แม้สถิติการกระทำความผิดในคดีเกี่ยวกับเพศจะมีจำนวนน้อยแต่เป็นลักษณะคดีที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่มีพฤติการณ์ที่โหดร้ายใช้ความรุนแรงและกระทำต่อเด็กเล็ก
ทั้งยัง มีความเป็นไปได้ว่าผู้เสียหายจากคดีความผิดเกี่ยวกับเพศอาจมีความกลัวหรือไม่ อยู่ในสภาวะที่สามารถรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อเทียบกับผู้เสียหายในคดีอื่นๆ จึงส่งผลให้จำนวนสถิติของการกระทำความผิดและการกระทำผิดซ้ำที่เกี่ยวกับเพศนั้นอาจมีน้อยกว่าความเป็นจริงมากเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ
Q : มีการจำแนกหรือแบ่งประเภทการกระทำผิดทางเพศไว้หรือไม่อย่างไร ?
A : การแบ่งประเภทไว้หลากหลาย เช่น
กลุ่มนักข่มขืน (Rapists) กลุ่มนี้เป็นเสมือนนักล่าที่คอยหาโอกาสในการข่มขืนซึ่งเป็นผู้มีประวัติการกระทำผิดที่ใช้ความรุนแรง มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และมีแนวโน้มที่จะกระทำผิดซ้ำโดยมีการใช้ความรุนแรง ผู้กระทำผิดทางเพศที่เป็นผู้หญิง ผู้กระทำผิดทางเพศบนอินเตอร์เน็ต ผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็ก เป็นต้น
Q : การทารุณ/ทำร้ายเด็กทางเพศ เกิดจากเป็นโรคใคร่เด็กใช่หรือไม่ ?
A : ผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็กจะเป็นผู้มีแรงดึงดูดทางเพศกับเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การทำร้ายทางเพศหรือไม่ก็ได้ แต่หากมีพฤติกรรมการทำร้ายทางเพศต่อเด็กแล้วก็มักจะมีแนวโน้มที่จะกระทำเช่นนั้นซ้ำอีก ที่สำคัญก็ คือ คนที่ทำร้ายเด็กทางเพศนั้น หลายคนก็ไม่ได้เกิดจากการที่เป็นโรคใคร่เด็กแต่อาจกระทำด้วยสาเหตุอื่นๆ เช่น การที่เป็นผู้มีอารมณ์ทางเพศสูง การเมาสุรา การไม่มีโอกาสที่เหมาะสมกับผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ผู้ที่มีภาวะหรือลักษณะนิสัยต่อต้านสังคม ผู้ที่มีปัญหากับคู่สมรส และเป็นผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติทางด้านร่างกาย หรือจิตใจ รวมทั้งการมีภาวะซึมเศร้ารุนแรง
บางกรณีอาจเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผู้เป็นโรคใคร่เด็กเกิดภาวะเครียด หรือปัญหาก็นำไปสู่การทำร้ายเด็กทางเพศได้ โดยสรุปว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมกระทำทารุณหรือทำร้ายเด็กทางเพศนั้นอาจมิได้เกิดจากการที่เขาเป็นโรคใคร่เด็กเสมอไป และคนที่เป็นโรคใคร่เด็กเองก็อาจไม่มีพฤติกรรมการทารุณหรือทำร้ายเด็กทางเพศก็ได้
Q : โรคใคร่เด็ก สามารถบำบัด ได้หรือไม่ ?
A : ปัจจุบันงานวิจัยส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าโรคใคร่เด็กเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ยาก อีกทั้งมีข้อมูลสนับสนุนว่าผู้ที่เป็นโรคใคร่เด็กอาจไม่ได้มีการทำร้ายเด็กทางเพศ แต่เมื่อผู้เป็นโรคใคร่เด็กมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กทางเพศแล้ว การบำบัดรักษา ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การช่วยฝึกให้เขาสามารถระงับอารมณ์และความต้องการเพศกับเด็กเล็กได้ หรือมีแนวทางการตอบสนองต่อความต้องการทางเพศที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
Q : แล้วผู้ที่กระทำผิดทางเพศประเภทอื่นๆ สามารถบำบัดได้หรือไม่ ?
A : ประการสำคัญ คือ ต้องทำความเข้าใจกับผู้กระทำผิดทางเพศ เกี่ยวกับสาเหตุ และเส้นทางสู่การล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการประเมินและสัมภาษณ์ประวัติของผู้กระทำผิดเป็นรายกรณี
โดยเฉพาะประวัติที่เกี่ยวข้องกับประวัติชีวิตการเลี้ยงดู ประวัติการถูกล่วงละเมิดทางเพศ รายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำผิด ทั้งในส่วนพฤติกรรมและความคิดของผู้กระทำผิด
ในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังจากที่ได้ลงมือกระทำผิดแล้ว ทั้งนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องมีทักษะและเทคนิคในด้านนี้เป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ทราบถึงสภาพปัญหาและสาเหตุที่แท้จริง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาออกแบบแนวทางในการบำบัด แก้ไขฟื้นฟูให้ตรงกับสภาพปัญหาและความจะเป็นของแต่ละบุคคลเพื่อลดความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำในอนาคต
...
ขอขอบคุณที่มา : รายงานสรุปกรอบกฎหมายและมาตรการในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในคดีทางเพศ จัดทำโดย : สถาบันวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง :
1. รายงานสรุปกรอบกฎหมายและมาตรการในการป้องกันการกระทำความผิดในคดีทางเพศ สกธ. (หน้า 14-16)
2. วิทยานิพนธ์คณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีการศึกษา 2560 โดยนางสาววรัญญา เสาวนิต เรื่อง ผู้ป่วยโรคใคร่เด็กกับขอบเขตความรับผิดทางอาญา : ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ
3. ประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 277, 279, 287/1, 65, 78)
4. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (มาตรา 14 (4))
ขอขอบคุณที่มา : สำนักงานกิจการยุติธรรม
คอข่าว ติดตามอ่านรายงานสรุปกรอบกฎหมายและมาตรการในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในคดีทางเพศ