26 กันยายน 2565 จากกรณียิงถล่ม "เสี่ยเบยซ์" โดยคนร้ายขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ ก่อเหตุใช้ปืนยิงถล่ม นายตรีภพ อายุ 55 ปี เจ้าของธุรกิจรีสอร์ท และเจ้าของร้านอาหารหลายแห่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.ปทุมธานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะขับรถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น c350E ขณะขับอยู่บนถนนสายเอเชีย ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 15 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังกลับจากการเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในคดีความขัดแย้งเรื่องของธุรกิจกับหุ้นส่วนร้านอาหารและคดีบุกรุก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม : เสี่ยดวงแข็ง ถูกรัวยิง 6 นัดคาเบนซ์ กลั้นใจขับรถไปถึง รพ. รอดหวุดหวิด
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางปะอินทร์ ได้ทำการสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนสามารถออกหมายจับ ผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุ และผู้จ้างวานได้รวม 4 คน ประกอบด้วย
คดียิงเสี่ยเบนซ์ คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร ยังสามารถติดตามจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ขณะกำลังหลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร พร้อมทั้งตรวจยึดอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ผู้ต้องหาใช้สีสเปรย์สีดำพ่นทับเอาไว้
โดยในวันนี้ ( 26 ก.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงได้ออกมาแถลงข่าว
ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกลางถนนสายเอเชีย เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมาก และไม่เกรงกลัวกฎหมาย ภายหลังการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบสวนสืบสวนจนทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุ และผู้จ้างวาน โดยคนร้ายได้ติดตามผู้เสียหายจากศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี และมาลงมือก่อเหตุที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้พากันหลบหนีไปซ่อนตัวที่ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ออกติดตามไปจับกุมตัวมาได้ทั้งหมด
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เกิดจากนายดนัย อ๋องย่อง อายุ 50 ปี หุ้มส่วนของผู้เสียหายเกิดความไม่พอใจ ที่ถูกผู้เสียหายฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ในร้านอาหาร จึงได้ให้ นายเอกพล หรือ "ตี๋" ซึ่งเคยรู้จักกันในเรือนจำ เมื่อครั้งต้องโทษด้วยกันลงมือก่อเหตุ โดยชักชวนให้ นายตี๋ นำอาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยประสงค์ถึงชีวิต
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวน นายตี๋ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายจริง โดยมี นายเทียนชัย หรือ เบียร์ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ มาก่อเหตุ ส่วน น.ส.ทิพวรรณ์ หรือบี (ภรรยา) นายเอกพล หรือตี๋ นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง ภายในรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อหา
ทางด้าน นายตรีภพ ภูมี อายุ 55 ปี เจ้าของธุรกิจรีสอร์ต และร้านอาหาร ผู้บาดเจ็บพร้อมด้วยภรรยา ได้นำดอกไม้มามอบให้กับ ผบช.ภาค 1 เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสามารถติดตามตัว และจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ นายตรีภพ กล่าวว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว าหรับตนเองยังมีความกังวลเรื่องของคลวามปลอดภัย ถึงแม้จะมีการจับกุมคนร้ายได้แล้วก็ตาม เพราะผู้ต้องหาอาฆาตกับตนเองมาก และมีการข่มขู่มาโดยตลอด
ภายหลังมอบกระเช้าดอกไม้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา พร้อมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยดูแลความปลอดภัยของผู้เสียหาย ตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณถนนสายเอเชีย (ขาอออก) หลักกิโลเมตรที่ 15 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางสายฝน โดยให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในรถร่วมทำแผนทุกขั้นตอน