เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
24 ตุลาคม 2564 ที่จ.ชัยภูมิ มีกลุ่มมิจฉาชีพล้วงข้อมูลส่วนตัว ของลูกค้าธนาคาร นำไปผูกเข้ากับบัตรเครดิต-บัตรเดบิต แล้วแอบโอนถอนเงินในบัญชี ผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังอีกธนาคารฯ ก่อนนำเงินไปลงทุนต่างๆ โดยมีประชาชนหลายรายถูกแอบถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารหลายครั้ง โดยไม่รู้ตัว
สำหรับในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองชัยภูมิ แล้วหลายรายมูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาท
นางกำไล ดันชัยภูมิ อายุ 58 ปี กล่าวว่า รับมอบอำนาจจากน้องสาว คือ น.ส.ฝ้าย นามทองอ้อ พีเตอร์สัน อายุ 56 ปี ให้แจ้งความ หลังจากที่พบว่ามีคนแอบดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร
สำหรับเงินดังกล่าวทางน้องสาวโอนเงินมาเข้าบัญชีเพื่อเก็บไว้ใช้จ่าย ในช่วงที่เดินทางกลับมาบ้านเกิด แต่เนื่องจากช่วงนี้เกิดโรคโควิดระบาด ไม่สามารถเดินทางได้ จึงโทรศัพท์ให้นางกำไล และหลานสาว ได้นำบัญชีธนาคาร ที่อยู่ภายในตู้เซฟ ภายในบ้านมาปรับสมุด ตรวจสอบยอดเงินฝาก
เมื่อได้ดูถึงกับเข่าอ่อนพบว่าเงินในบัญชีที่ฝากไว้ 1,800,000 กว่าบาท ได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.64 จำนวน 300,000 บาท วันที่ 9 ต.ค.64 ถอนจำนวน 3 ครั้งอีก 1,160,000 บาท และวันที่ 10 ต.ค.64 แอบถอนไปอีก 800,000 บาท พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียง 3,700 บาทเท่านั้น
เมื่อทวงถามไปยังธนาคารกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ความรวมมือ จึงขอดูสเตตเมนต์การทำธุรกรรม แต่ก็ไม่ได้รับความรวมมือ จึงนำหลักฐาน พร้อมกับนำสมุดบัญชีธนาคาร ทั้ง 1 เล่ม มาแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายที่แอบทำธุรกรรมโอนเงินไปรายนี้ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ดูแลบัญชีดังกล่าวแน่นอนจึงรุดเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว
เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุและประชาชนที่อยู่เมืองนอก ที่นำเงินไปฝากธนาคารฯแล้วไม่มีการฝากถอนเดินเงินทำธุรกรรมเลย ถูกดูดเงินฝากจากบัญชีธนาคารฯหายไป จำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดูจากพฤติกรรมการถอนเงินพบว่า คนร้าย ทยอยลักลอบโอนเงินผ่านสมุดบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไปยังอีกธนาคารฯในพื้นที่เดียวกันโดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้เรื่องเลย จนเงินหมดบัญชีเหลือไว้ให้ดูต่างหน้าเพียงไม่กี่ 1,000 บาท
ร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล ร้อยเวร สภ.เมืองชัยภูมิ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพรายนี้น่าจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่รู้ความเคลื่อนไหวในการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้า และรู้หมายเลขบัตรประชาชนของลูกค้าทุกคน แล้วทำการดำเนินการนำไปเปิดบัตรเครดิต-บัตรเดบิต
จากนั้นแอบถอนเงินทางโทรศัพท์ โยกย้ายเงินในบัญชีลูกค้าไปยังอีกธนาคารหนึ่งในตัว จ.ชัยภูมิ แล้วนำเงินไปลงทุน ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้พบว่าในเมืองชัยภูมิ มีผู้เสียหายที่เป็นชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ที่ถูกกระทำการดังกล่าวไปแล้วกว่า 4 ราย ยอดเงินสูงกว่า 10 ล้านบาท