
จากกรณีแฮกเกอร์ปล่อยไวรัส และเจาะระบบเซฟเวอร์ของโรงพยาบาลสระบุรี โดยมีการเรียกค่าไถ่ เป็นเงินสกุลดิจิทัล บิทคอยน์ รวมแล้วประมาณ 60 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. กำลังเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผล โดยเฉพาะในเรื่องการเจาะข้อมูลของโรงพยาบาลสระบุรี เบื้องต้น ยังไม่ยืนยันว่า ผู้กระทำผิดเคลื่อนไหวโจมตีจากภายในประเทศ หรือนอกประเทศ แต่เชื่อว่ามีเจตนาต้องการเรียกเงิน เพื่อแลกกับการคลายล็อกข้อมูล เพราะรูปแบบการก่อเหตุมีลักษณะเป็นแฮ็กเกอร์ ที่เคยก่อเหตุเจาะข้อมูลบริษัทเอกชน และภาครัฐฯ ในประเทศไทยมาแล้ว ซึ่งข้อมูลของตำรวจ ปอท. พบว่า ในอดีตมีหลายบริษัทฯ ไม่สามารถกู้ข้อมูลในระบบคืนได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามข้อเรียกร้อง แต่กรณีการเจาะระบบข้อมูลเรียกค่าไถ่จากโรงพยาบาล ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งโดยปกติแล้วเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับโรงพยาบาล
ส่วนข้อมูลคดีนี้ พบว่าเป็นไวรัสมัลแวร์ชนิดหนึ่ง ที่พบมานานหลายปี โดยผู้ก่อเหตุมักจะส่งเป็นลิ้งค์ที่มีข้อความในลักษณะจูงใจ เมื่อมีผู้หลงเชื่อ กดลิ้งค์เปิดอ่าน ไวรัสดังกล่าวก็จะเจาะระบบและเข้าระหัสทันที โดยที่เจ้าของเครื่อง หรือเจ้าของระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อีก ซึ่งเป็นความเสียหาย ส่งผลให้เจ้าของระบบ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้รับข้อมูลคืนรองผู้บังคับการ ปอท. กล่าวอีกว่า ดังนั้น ขอฝากเตือนถึงบุคคลากร และผู้ที่ดูแลระบบของหน่วยงานที่มีความเสี่ยงตกเป็นเป้าหมาย หมั่นเฝ้าระวังสำรองข้อมูลตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ พร้อมทั้งกำชับให้เฝ้าระวังไวรัสทุกรูปแบบ ที่แฝงมาในรูปแบบของลิ้งต่างๆ ที่สำคัญแนะนำให้ใช้ระบบปฎิบัติการ และโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์แท้เท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบได้เป็นอย่างดี