จากกรณีนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทอง และยิงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จนทำให้เสียชีวิต 3 ราย เหตุเกิดภายในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ มาดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมกับส่งฟ้องศาล ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา วันที่ 27 สิงหาคม 2563 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ฯ ได้ควบคุมตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ เดินทางจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน และยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์ และหลบหนี , ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ และความผิดข้อหาอื่น ๆ รวม 9 ข้อหาด้วยกัน ซึ่งระหว่างที่ นายประสิทธิชัย เดินลงจากรถของเรือนจำ เพื่อขึ้นห้องพิจารณา ได้เห็นสื่อมวลชนที่มาดักรอทำข่าว จึงได้ยกมือไหว้ ด้วยความที่ ผอ.กอล์ฟ สวมหน้ากากอนามัยปิดใบหน้าไว้ จึงเห็นสีหน้าได้ไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ผอ.กอล์ฟ (จำเลย) ได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม.ติดท่อเก็บเสียง บุกเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตมีเด็กชาย วัย 2 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน จากนั้น ผอ.กอล์ฟ (จำเลย) จึงได้นำทองคำรูปพรรณกว่า 30 เส้น มูลค่ากว่า 6 แสนบาท หลบหนีไป ซึ่งต่อมานายประสิทธิชัย ก็ถูกตำรวจตามจับตัวได้ ในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาของศาล นายประสิทธิชัย ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานต่างๆ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้พิสูจน์ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง และมีการเตรียมการวางแผนเอาไว้ ก่อนมาก่อเหตุ ไม่ใช่ก่อเหตุไปเพราะความคิดชั่ววูบ ตามที่จำเลยเคยให้การไว้ว่า ที่ทำไปเป็นเพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ จึงหน้ามืดไปก่อเหตุ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ สาวพนักงานบริษัทห้างทอง รปภ. และ เด็กวัย 2 ปี ที่จำเลยอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ศาลเห็นว่าฟังไม่ขึ้น ถือเป็นการจงใจเตรียมการก่อเหตุ เป็นผลต่อเนื่องจากการก่อเหตุ การกระทำของจำเลย ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม จึงไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ ซึ่งมีความผิดตามข้อกล่าวหาทุกข้อหา ซึ่งบางข้อหามีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต แม้ว่าจะให้การรับสารภาพก็ตาม
นอกจากนี้จำเลยตัองชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าทนายความ และชดใช้สินไหมทดแทน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อไป นับตั้งแต่ 9 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหมดเบื้องต้นได้จ่าย
ครั้งนี้ ญาติของผู้เสียชีวิตได้เข้ามาฟังคำพิพากษา ต่างก็พอใจต่อคำตัดสินของศาล เพราะถือว่า ผอ.กอล์ฟ เป็นภัยต่อสังคม เหตุการณ์ครั้งนี้พวกเขาไม่อาจทำใจได้ และมองว่าการก่อเหตุฆ่าคนตายควรได้รับโทษประหารชีวิต ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม
ในส่วนของนายอนุชา วงศ์อยู่ และ นางสาววิไลวรรณ ยังรอด พ่อแม่ของน้องไทตัล เด็กวัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ เปิดใจว่า รู้สึกพอใจที่นายประสิทธิชัย ถูกศาลพิพากษาให้ได้รับโทษสูงสุด ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ต้องถือเสียว่าเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันมา
ทางด้านนายอัฒพล ทองทิพย์ พี่ชายของพนักงานที่เสียชีวิต บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงวันนี้ ทางครอบครัวยังไม่มีใครทำใจได้เลย เพราะแม่ของเขายังร้องให้อยู่ทุกวัน ส่วนหลานก็ยังถามหาผู้ตาย ว่าแม่ไปไหน เราก็พยายามบอกเข้าว่า แม่กวางไปสวรรค์ ซึ่งก็ต้องตอบคำถาม และอธิบายเรื่องนี้ให้หลานฟังทุกวัน
วันนี้ในช่วงที่เข้าห้อง เพื่อฟังการพิจารณาคดี ได้มีโอกาสได้เห็นหน้า ผอ.กอล์ฟ ความรู้สึกตอนนั้นมันหลากหลายมาก ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจ เท่าที่ได้เห็นหน้าเขาดูสดใส ไม่ได้มีความสลด หรือรู้สึกผิดอะไร สำหรับการพิจารณาคดีในวันนี้ ก็ตั้งใจให้ตัดสินประหารชีวิต แม้จะรู้ว่าหลังจากนี้จะมีการยื่นอุทธรณ์ และอาจมีการลดโทษได้ แต่ก็จะเดินทางไปติดตามผลคำพิพากษาทุกศาล ส่วนตัวจะไม่ยอมอโหสิกรรมให้ โดยอยากให้อีก 2 ศาลยื่นตามศาลชั้นต้นไปทั้ง 3 ศาล เช่นเดียวกัน คือ ประหารชีวิต หรือตายตกไปตามกัน