svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

09 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา เผย การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในส่วนของหนามแหลม ทำให้มีผลต่อวัคซีน ติดตามอ่านรายละเอียดที่น่าสนใจของ โควิด-19 ได้ตรงนี้พร้อมกัน

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

อีกหนึ่งบทความทางวิชาการที่น่าสนใจ โดยล่าสุด ทางด้าน หมอยง หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า

 

โควิด 19 การกลายพันธุ์ของไวรัส ไม่มีผลต่อยาที่ใช้รักษา

 

ไวรัส covid 19 มีการกลายพันธุ์เรื่อยมา ทุกคนทราบกันดี 

 

การกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในส่วนของหนามแหลม 

 

ทำให้มีผลต่อวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันมีประสิทธิภาพลดลง 

 

และยาในกลุ่มของแอนติบอดี รวมทั้งโมโนโคลนอลแอนติบอดี มีประสิทธิภาพลดลง

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

ส่วนยาที่ใช้รักษา ไม่ว่าจะเป็น remdicevir และ molnupiravir มีผลต่อการแบ่งตัวของไวรัส 

 

โดยขัดขวาง RNA dependence RNA polymerase 

 

ส่วนยา paxlovid ขัดขวาง enzyme protease ไม่ได้อยู่ในส่วนที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัส 

 

ดังนั้น การกลายพันธุ์ของไวรัสในปัจจุบันจึงยังไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของการให้ยาต้านไวรัสในการรักษาดังกล่าว 

 

ยาต้านไวรัสที่กล่าวถึงจึงยังมีประสิทธิภาพในการรักษาเหมือนเดิมถึงแม้ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์

 

โควิด-19 เป็นโรคที่จะไม่หายจากไป ย้ำวัคซีนยังจำเป็นแม้ไม่สามารถป้องกันติดเชื้อได้ แต่วัคซีนทุกตัวลดความรุนแรงของโรคได้ และต้องให้อย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป

ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง "โควิด-19" โดยระบุว่า Covid-19 โรคที่จะไม่หายจากไป วัคซีนยังมีความจำเป็น

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

หมอยง เปิดเผยว่า

โควิด-19 จะยังคงอยู่กับเราตลอดไป และมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ตามหลักวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต เพื่อการดำรงอยู่

 

เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน ไม่ว่าจะจากการฉีดวัคซีน การติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีนร่วมกับการติดเชื้อ จะทำให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อไวรัสได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะมีการกลายพันธุ์ไปบ้าง ความรุนแรงของโรคจึงลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับในระยะแรกที่เราไม่มีภูมิต้านทานกันเลย

 

ประชากรส่วนใหญ่ขณะนี้ทั่วโลกเชื่อว่ามีภูมิต้านทานบางส่วนเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ และวัคซีน จึงทำให้ความรุนแรงของทั่วโลกลดลง เห็นได้จากอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างมากถ้าเปรียบเทียบกับปีแรก

 

ถึงแม้ว่าไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่หนามแหลม spike ส่วนนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ จึงทำให้สามารถติดเชื้อได้ซ้ำขึ้นได้ แต่ภูมิต้านทานส่วนอื่นเช่นระดับเซลล์ และการกำจัดไวรัสโดยอาศัยเซลล์ ยังคงอยู่ ทำให้การกำจัดไวรัสเป็นไปได้ดีกว่าคนที่ไม่มีภูมิต้านทาน ความรุนแรงของโรคจึงลดลง ถึงแม้ว่าจะมีการติดเชื้อซ้ำ


หมอยง เผยต่ออีกว่า ระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 3 ปี เห็นได้ชัดเจนว่าวัคซีนไม่ว่าจะเป็นเชื้อตาย ไวรัส Vector หรือ mRNA ไม่สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ วัคซีนทุกตัวลดความรุนแรงของโรคได้ไม่ต่างกัน และต้องให้อย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป และยังจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นเป็นครั้งคราวเช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่ ความจำเป็นในการกระตุ้นยังต้องมีต่อไปโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608

 

เราได้เสียโอกาสไปมากกับการใช้วัคซีนเชื้อตายในระยะแรก ทั้งที่ขณะนี้ก็มีอีกหลายประเทศผลิตวัคซีนเชื้อตายขึ้นมาเช่น ฝรั่งเศส (Valneva) อินเดีย (Covaxin) และได้ขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้วเช่นกัน การให้วัคซีนเชื้อตายแต่เริ่มต้น เป็นการให้ไวรัสทั้งตัว เปรียบเสมือนจำลองการติดเชื้อ ซึ่งต่างกับวัคซีนไวรัส Vector และ mRNA จะมีส่วนของโปรตีนเฉพาะหนามแหลมเท่านั้น

 

ในปัจจุบันนี้เราได้วัคซีนสร้างภูมิต้านทานโดยธรรมชาติ จากการติดเชื้อ ต่อวัน อาจจะมากกว่าการฉีดวัคซีนต่อวันของบ้านเรา

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

"หมอยง" ชี้ "โควิดกลายพันธุ์" ไม่มีผลต่อยารักษา

logoline