"หมอมนูญ" เผย โควิดเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ย้ำกลุ่มเสี่ยง608 รับวัคซีนเข็มกระตุ้น

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เปิดเผยถึงสถานการณ์เชื้อไวรัส โควิด-19 ว่า

สถานการณ์ในขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง  โดยพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขของผู้ที่เข้ารับการรักษาที่เพิ่มขึ้น โดยเดือนที่ผ่านมาพบว่า มีตัวเลขของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 20

และคาดว่าเดือน พฤศจิกายนนี้ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งถือว่าตัวเลขกำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่การติดเชื้อก็ถือว่าไม่รุนแรงเหมือนการระบาดของสายพันธ์เดลตาแต่อย่างใด 

โดยความรุนแรงเทียบเท่ากับการระบาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลักษณะอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ไม่รุนแรง เป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และไม่ค่อยลงปอด   แต่ยังคงพบผู้ที่ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง หรือผู้ที่มีเชื้อลงปอด ในผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบโดส หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง , กลุ่ม 608 ที่เมื่อติดเชื้อก็ยังคงมีอาการรุนแรงได้ แต่ปัจจุบันมีทั้งวัคซีนและยารักษาโรคทำให้สามารถรักษากลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ได้

ส่วนกรณีที่สถานที่ต่าง ๆ เริ่มให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิดเข้ามาทำงานได้ตามปกตินั้น แนะนำว่าการปฏิบัติตน ยังคงต้องปฏิบัติตนตามแบบเดิม โดยเฉพาะการติดเชื้อในช่วง 5 วันแรก ที่ยังจำเป็นที่จะต้องกักตัว งดเว้นการทำงาน แต่หลังจากกักตัวครบ 5 วันแล้ว ก็สามารถกลับเข้ามาทำงานได้ แต่ยังคงต้องเว้นระยะห่างจากบุคคลอื่น รับประทานอาหารแยกกับผู้อื่น

รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาอีกเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งเมื่อครบ 10 วันแล้ว ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง และยังคงขอให้ทุกคนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดอย่างน้อย 3 เข็ม ตามด้วยเข็มกระตุ้นเพิ่มอีก 1 เข็ม 4 เดือนหลังเข็มสุดท้าย โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสโควิดตามธรรมชาติและทุกคนควรไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง

ทั้งนี้เชื่อว่า ปัจจุบันประชาชนในประเทศไทยน่าจะติดเชื้อไปแล้วราวร้อยละ 70 ซึ่งอาจจะเหลืออีกไม่มากที่ยังไม่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งในจำนวนที่เหลือนี้ก็น่าจะราว 10 ล้านคน ซึ่งในอนาคตคนจำนวน 10 ล้านคนเหล่านี้ ก็จะต้องมีโอกาสได้รับเชื้อโควิด-19 ซึ่งเมื่อมีผู้ติดเชื้อครบทุกคนและเมื่อนั้นโควิด-19 ก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนกับบัตรทั่วไป ที่สามารถเป็นและรักษาเองได้ เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีกว่าสมัยที่โควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ซึ่งมองว่าหลังจากปีหน้าเป็นต้นไปการแพร่ระบาดก็จะเริ่มลดลง

ในช่วงเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี (RSV) และ Human metapneumovirus (hMPV) 

เดือนที่แล้วพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการตรวจทั้ง ATK และ RT-PCR 986 ราย อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง (ดูกราฟ)
พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เดือนที่แล้ว 82 ราย ลดลงเล็กน้อย (ดูกราฟ) เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ RSV 98 ราย ลดลงบ้าง (ดูกราฟ) และเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ hMPV Human metapneumovirus 6 ราย
 

พบโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่เพิ่มขึ้นเป็น 40 ราย (ดูกราฟ) พบโรคชิคุนกุนยา หรือไข้ปวดข้อยุงลาย 4 ราย
โรคไวรัส Noro (โนโร) และ Rota(โรตา) ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เดือนที่แล้วพบโนโรไวรัส 11 ราย พบโรตาไวรัส 5 ราย 

สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอน อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง สูงกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่และ RSV ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ 

ที่น่าเป็นห่วงนอกจากจำนวนคนติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเห็นคนที่ไม่ใช่คนสูงอายุ ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง 608 แต่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนเชื้อตายเพียง 1 เข็ม เมื่อติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้จะได้รับยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ครบโดสก็ตาม ยังเกิดปอดอักเสบ ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามด้วยเข็มกระตุ้นเวลาติดเชื้อไวรัสโควิด อาการจะน้อย ไม่หนักมาก วัคซีนป้องกันโรคโควิดสามารถลดความรุนแรงของโรคได้จริง

ขอให้ทุกคนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดอย่างน้อย 3 เข็ม ตามด้วยเข็มกระตุ้นเพิ่มอีก 1 เข็ม 4 เดือนหลังเข็มสุดท้าย โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสโควิดตามธรรมชาติและทุกคนควรไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง
เดือนพฤศจิกายนจะเป็นอย่างไร ติดตามรายงานเดือนหน้าครับ