svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ตร.เร่งแกะรอย เงินเทศบาลอุบลฯหายเพิ่ม เสียหายรวม 58 ล้าน ไม่พบการแฮกข้อมูล

19 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เทศบาลนครอุบลฯ วุ่นต่อตำรวจไซเบอร์ ไม่พบการแฮกข้อมูล ตรวจสอบล่าสุดพบเงินหายเพิ่มอีก 19 ล้านบาท รวมความเสียหายพุ่ง 58 ล้านบาท เร่งสอบผู้เกี่ยวข้อง คาดทำเป็นขบวนการ

19 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้า เงินหายจากบัญชี ของ เทศบาลนครอุบลราชธานี โดย นายอาทิตย์ คูณผล อายุ 66 ปี รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ได้รับมอบอำนาจจาก นางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดซึ่งไม่ทราบเป็นใคร ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ และบัญชีกระแสรายวัน  ชื่อบัญชีเทศบาลนครอุบลราชธานีจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

ความเสียหายที่เกิดขึ้น ในเบื้องต้นพบว่า มีการเงินโอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ และบัญชีกระแสรายวัน  ชื่อบัญชีเทศบาลนครอุบลราชธานี ไประบบช็อปปี้ เลขที่ KT 2093 รวมจำนวน 2,029 ครั้ง โดยมียอดการโอนตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 รวมเป็นเงิน 39,042,839 บาท 

ความเสียหายของเทศบาลนครอุบลราชธานี ล่าสุดพุ่งสูงถึง 58 ล้านบาท
 

เบื้องต้นสงสัยว่า น่าจะมีการโจรกรรมข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อลักลอบทำธุระกรรมดังกล่าว ทางเทศบาลฯจึงมีความประสงค์ดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้กระทำความผิดและขอให้ทางธนาคารกรุงไทยฯ ตรวจสอบข้อมูลในเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเทศบาลไม่เคยทำธุระกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์แต่อย่างใด

ต่อมานางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ได้มอบอำนาจให้ปลัดเทศบาลนครอุบลฯพร้อมด้วย ผู้อำนวยการกองคลังและผู้อำนวยการส่วนพัฒนารายได้และนิติกร 2 คน เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สทอ.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมตรวจสอบว่า ใครเป็นผู้ทำธุรกรรมการเงิน หรือเป็นการโจรกรรมข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อลักลอบทำธุรกรรมดังกล่าว

ตำรวจเร่งแกะรอยเงินล่องหนจากบัญชีของเทศบาลนครอุบลราชธานี
 

ล่าสุดวันนี้ (19 พฤศจิกายน) มีรายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเงินล่องหน เงินหายจากบัญชี ของ เทศบาลนครอุบลราชธานี ของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืออุบลราชธานี โดยเรียกเจ้าหน้าที่เทศบาลนครอุบลฯ ประกอบด้วย

  • นายอัมพล ทองพุ ปลัดเทศบาลนครอุบลฯ
  • ผอ.กองคลัง หัวหน้าส่วนการคลัง
  • เจ้าหน้าที่การเงิน
  • พยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง 

เพื่อมาสอบปากคำ พร้อมให้นำหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน  CPU คอมพิวเตอร์ รวมถึงระเบียบแนวทางปฏิบัติในเรื่องการเงิน รายชื่อคณะกรรมการควบคุมรายงานการเงิน มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี

ตำรวจไซเบอร์ เร่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อแกะรอยหาเงินที่หายไปจากบัญชี

ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คงศักดิ์ตระกูล  ผกก.สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า  จากการสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เบื้องต้นพบว่าไม่ได้เป็นการแฮกข้อมูลหรือโจรกรรมข้อมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ จึงได้มอบหมายให้ สภ.เมืองอุบลฯ เป็นผู้ดำเนินการในด้านการสืบสวน สอบสวน ในเรื่องดังกล่าว

ส่วนความคืบหน้าของคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง พยานบุคคล จากเทศบาลนครอุบลฯมาให้การแล้วรวม 10 ปาก และกำลังรอพยานหลักฐาน 2 ส่วนจากระบบช็อปปี้ และหลักฐานจากธนาคารกรุงไทย  

กรณีที่สอบสวนผู้เกี่ยวข้องและจากการตรวจสอบหลักฐานไปแล้วนั้น พบว่าได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์  และบัญชีกระแสรายวัน  ชื่อบัญชีเทศบาลนครอุบลราชธานี แล้วโอนเข้าไประบบช็อปปี้ พบการกระทำผิด ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 รวมความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 58 ล้านบาท จากเดิมที่ทางเทศบาลนครอุบลฯแจ้งความไว้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 39,042,839 บาท และตรวจสอบเพิ่มเติมพบเงินหายเพิ่มอีกประมาณ 19 ล้านบาท

ตร.เร่งแกะรอย เงินเทศบาลอุบลฯหายเพิ่ม เสียหายรวม 58 ล้าน ไม่พบการแฮกข้อมูล

ภาพและข่าว : วิชิต มีสวัสดิ์ 
สำนักข่าวเนชั่น จ.อุบลราชธานี
 

logoline