svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

บัตรคนจน รอบเดือนพ.ย.65 เงินเข้ารอบ 2 กดเป็นเงินสดได้ เช็กตรงนี้ 

15 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน เดือนพฤศจิกายน 2565 เงินเข้ารอบ 2 ถอนเป็นเงินสดได้ โอนวันไหนเช็กรายละเอียดที่นี่

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน เดือนพฤศจิกายน 2565 รัฐบาลช่วยเหลือเช่นเดิม โดยกระทรวงการคลัง ได้ออกมาอัปเดตข้อมูลล่าสุด ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน

ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือทุกวันที่ 1, 18 และ 22 ของเดือน สามารถกดเป็นเงินสดออกมาใช้จ่ายได้ แบ่งเป็นการจ่ายเงิน 2 รอบเหมือนทุกเดือนที่ผ่านมา

บัตรคนจน รอบเดือนพ.ย.65 เงินเข้ารอบ 2 กดเป็นเงินสดได้ เช็กตรงนี้ 

บัตรคนจน รอบเดือนพ.ย.65 เงินเข้ารอบ 2 กดเป็นเงินสดได้ เช็กตรงนี้ 

ย้ำกันอีกสักครั้ง !!

โดยรอบแรกคือ ทุกวันที่ 1 ของเดือน (1 พ.ย.65) จะไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป ได้สิทธิดังนี้

วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 100 บาท (รอบต.ค.- ธ.ค.65)
ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท

ส่วนเงินช่วยเหลือรอบที่ 2 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรไปกดเงินสดได้ ที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย ตามรายละเอียดดังนี้

ทุกวันที่ 18 ของเดือน (18 พ.ย.65 ถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง) สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าในเดือน ต.ค.65 ไม่เกินเกณฑ์ 315 บาท
เงินช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน (ตามที่จ่ายจริง) สำหรับบ้านที่ใช้น้ำประปาในเดือน ต.ค.65 ไม่เกินเกณฑ์ 315 บาท

ทุกวันที่ 22 ของเดือน (22 พ.ย.65 ถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ

บัตรคนจน รอบเดือนพ.ย.65 เงินเข้ารอบ 2 กดเป็นเงินสดได้ เช็กตรงนี้ 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) ทั้งสิ้น 22,294,282 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 9,693,353 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 12,600,929 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 12.00 น.) จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น และศรีสะเกษ

สัดส่วนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เป็นเพศหญิงร้อยละ 55.15 เพศชายร้อยละ 44.85 และส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 36 – 69 ปี คิดเป็นร้อยละ 62.78 ของผู้ลงทะเบียนทั้งหมด โดยจำนวนผู้ลงทะเบียนข้างต้นเป็นเพียงจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น โดยการเป็นผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้การลงทะเบียนตามโครงการฯ เป็นการลงทะเบียนรายบุคคล (ผู้ลงทะเบียน) แต่การตรวจสอบจะตรวจสอบทั้งรายบุคคลและสมาชิกในครอบครัว

 

ขั้นตอนแรกจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (เกณฑ์บุคคล) หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลโดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกณฑ์ครอบครัว (ในกรณีที่มีคู่สมรสหรือบุตร) ซึ่งหากพบว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติและผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ

 

และเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการประกาศผลสถานะการลงทะเบียนของโครงการฯ โดยเป็นข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5 กันยายน – 27 ตุลาคม 2565 พบว่า ผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 20,708,258 ราย

 

เมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 19,162,254 ราย (คิดเป็นร้อยละ 92.53 ของผู้ที่ลงทะเบียนที่กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว) โดยผู้ลงทะเบียนเมื่อตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงเดือนมกราคม 2566

 

ส่วนผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครองมีจำนวนทั้งสิ้น 1,546,004 ราย (คิดเป็นร้อยละ 7.47 ของผู้ที่ลงทะเบียนที่กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว) ผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง

หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ เป็นต้น ให้ติดต่อแก้ไข โดยหากเป็น ผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลการจ่ายเงินได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 0 2109 2345 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. หรือที่กรมบัญชีกลาง โทร. 0 2270 6400 ในวัน-เวลาราชการ
 

logoline