svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ เสนอกุญแจ 3 ดอก ในการประชุม ASEAN Global Dialogue

13 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯ เสนอกุญแจ 3 ดอก ในการประชุม ASEAN Global Dialogue "การเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19"

การประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19

 

13 พฤศจิกายน 2565 ช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 (Building Resilient and Sustainable ASEAN in the Post COVID-19 Era)”

โดยเป็นการประชุมแบบ เต็มคณะ (Plenary) มีสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานการประชุม ประกอบด้วย 25 ประเทศ 9 หน่วยงาน  โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน แคนาดา อินเดีย รัสเซีย สหภาพยุโรป และผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศ อาทิ

  • สภาเศรษฐกิจโลก (WEF)
  • องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO)
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
  • ธนาคารโลก (World Bank)
  • คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียแปซิฟิก (ESCAP)
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)
  • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA)
  • รวมทั้ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเข้าร่วมโดยส่งข้อความผ่านการบันทึกเทปล่วงหน้า

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานการประชุม

 

การประชุมนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 จากที่เคยจัดเมื่อปี 2555 ซึ่งกัมพูชารื้อฟื้นกรอบการประชุมนี้ขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียน เกี่ยวกับการฟื้นตัวที่ยั่งยืนจากวิกฤตโควิด-19 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างอาเซียน กับองค์การระหว่างประเทศและร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมประชาคมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยสาระสำคัญของคำกล่าวนายกรัฐมนตรี ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ชื่นชมการรื้อฟื้นการประชุมนี้ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนและผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศได้แลกเปลี่ยนทัศนะและร่วมกันหาแนวทางการฟื้นตัว และการเติบโตที่ยั่งยืนภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ยังมีความท้าทายอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า

อาเซียนจะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่ประชาชน โดยส่งเสริมความสมดุลและความยั่งยืนอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวต่อสภาวการณ์ต่าง ๆ และประคับประคองตนเองในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่คาดคิด

นายกรัฐมนตรีนำเสนอกุญแจสำคัญ 3 ดอก เพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน ดังนี้

     1. การให้ประชาชนเป็นหัวใจของทั้งการฟื้นฟูในระยะสั้นและการพัฒนาในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรี เน้นการส่งเสริมสุขภาวะและการสร้างระบบความคุ้มครองทางสังคมที่ดี ให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตต่าง ๆ รุนแรงที่สุด การลงทุนระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นมาตรการที่ “คุ้มทุน” เพื่อวางรากฐานให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้

     2. การฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเน้นการสร้าง “ความสมดุลของสรรพสิ่ง” ไทยขับเคลื่อนผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งได้แก่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลดความสูญเสีย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ โดย ไทย ในฐานะประธานเอเปค ได้กำหนดแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” มีแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นพื้นฐาน ส่งเสริมความร่วมมือนำไปสู่การเติบโต เน้นสร้างสมดุล มากกว่าสร้างผลกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม

     3. การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาในทุกระดับ ไทย ในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียน ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาค ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพ และการระดมทุน ในสาขาที่อยู่ในความสนใจและเป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน สามารถเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมได้

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า เมื่อทุกประเทศเห็นผลประโยชน์ร่วมกันและร่วมมือกันมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและในโลก การร่วมแรงร่วมใจ จะทำให้กลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมหลังวิกฤตโควิด-19 โดยกุญแจสามดอกนี้ จะช่วยส่งเสริมให้อาเซียนก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ยืนยันเจตนารมณ์ของไทย ที่จะร่วมมือทำตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และขับเคลื่อนภูมิภาคของเราให้เติบโตอย่างสมดุล มีภูมิคุ้มกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พลเอกประยุทธ์ นายกฯ เสนอกุญแจ 3 ดอก ส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน

ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา

ตัวแทนจาก รัสเซีย

ตัวแทนจาก ญี่ปุ่น

logoline